x close

สมบัติ จันทรวงศ์ แจงปมเงินร้อน 27 ล้าน รับฝากเงินภรรยา พล.อ.เสถียร


สมบัติ จันทรวงศ์


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส 

          สมบัติ จันทรวงศ์ แจงปมเงินร้อน 27 ล้านบาท เผย ภรรยาอดีตปลัดกระทรวงกลาโหมนำมาฝากไว้จริง โดยบอกว่ามีปัญหาภายในครอบครัว ซึ่งตนพร้อมที่จะนำหลักฐานไปมอบให้กับ ป.ป.ช. ในวันพรุ่งนี้
 
          สืบเนื่องจากกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  (ป.ป.ช.) มีมติอายัทรัพย์ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมภรรยา และบุตรบุญธรรม โดยพบว่าในช่วงของการดำรงตำแหน่งมีเงินเข้าบัญชีมากกว่า 10 ล้านบาท ในขณะที่บัญชีของภรรยาและบุตรบุญธรรม มีเงินในบัญชีมากกว่า 100 ล้านบาท จากการซื้อขายที่ดินที่เกินกว่าฐานะทางการเงิน และยังพบว่า พล.อ.เสถียร ได้มีการนำเงินไปฝากในบัญชีของ นายสมบัติ จันทรวงศ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ปรึกษาของบุตรบุญธรรม อีกกว่า 10 ล้านบาทนั้น
 
          ล่าสุด วันนี้ (27 กุมภาพันธ์) มีรายงานว่า นายสมบัติ ได้กล่าวถึงความเป็นมาของเงินดังกล่าวว่า เรื่องนี้เริ่มจากที่นางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ ภรรยาของ พล.อ.เสถียร ได้มาเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเกริก ที่ตนได้รับสอนอยู่ ซึ่งตนและนางณัฐณิชาช์ รู้จักกันเป็นเวลานานกว่า 7 ปี แล้ว ส่วน น.ส.ณิชาพัฒน์ บุตรสาวของ นางณัฐณิชาช์ นั้น ก็ได้รู้จักกันในช่วงที่ น.ส.ณิชาพัฒน์ จะต้องมารับ-ส่ง นางณัฐณิชาช์ ที่มหาวิทยาลัยเกริก
 
          ต่อมาตนได้ให้คำปรึกษากับ น.ส.ณิชาพัฒน์ ว่า หากต้องการจะเรียนต่อน่าจะไปลองสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในคณะสหวิทยาการ ซึ่งตัว น.ส.ณิชาพัฒน์ ก็สามารถที่จะสอบเข้าไปเรียนได้ การเรียนต่าง ๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ อีกทั้ง น.ส.ณิชาพัฒน์ ได้เลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์เรื่อง การซื้อคาร์บอนเครดิต ซึ่งถือว่าเป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ดังนั้นตนในฐานะที่ปรึกษา จึงดำเนินการขอทุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ให้ และได้มีการพบปะเรื่องการทำวิทยานิพนธ์อยู่บ่อยครั้ง ส่วนเรื่องเงินก็เริ่มมามีปัญหาเมื่อประมาณปี 2554
 
          นายสมบัติ กล่าวต่อว่า มีอยู่วันหนึ่ง นางณัฐณิชาช์ได้โทรศัพท์มาหาตน โดยบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษา และได้เดินทางมาหาตน พร้อมกับน.ส.ณิชาพัฒน์ ซึ่งนางณัฐณิชาช์ บอกว่าทางครอบครัวมีปัญหา เนื่องจากมีคนอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวภายในครอบครัว เขาไม่อยากให้ทรัพย์สินของครอบครัวรั่วไหลหายไป ซึ่งในขณะนั้นตนก็พอจะได้รับทราบข่าวมาบ้างแล้ว แต่เห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว จึงไม่อยากจะยุ่ง แต่ในวันนั้น นางณัฐณิชาช์ได้หอบเงินสดจำนวน 18 ล้านบาท มาฝากไว้กับตน ตอนนั้นตนจำไม่ได้ว่า ขณะนั้นสามีของนางณัฐณิชาช์ มีตำแหน่งอะไรในกองทัพ และตนไม่รู้จะทำอย่างไร เนื่องจากนางณัฐณิชาช์มีสีหน้าไม่ค่อยดี ตนจึงตัดสินใจรับฝากเงินดังกล่าวเอาไว้
 
          ภายหลังเมื่อคิดว่าการกระทำดังกล่าวคงจะดูไม่ดี อีกทั้งกลัวว่าจะมีคนมาขโมยเงินดังกล่าวนี้ เนื่องจากตนเก็บเงินสดทั้งหมดเอาไว้ภายในบ้าน และในช่วงนั้นมีธุระที่จะต้องเดินทางไปต่างจังหวัด จึงตัดสินใจเอาเงินทั้งหมดไปฝากธนาคารในละแวกบ้านพักของตน แต่ด้วยความกลัวจะประเจิดประเจ้อหากหอบเงินสดไปทั้งหมด จึงตัดสินใจแบ่งเงินไปฝากธนาคารในหลายแห่ง แต่ละแห่งจะฝากประมาณ 1 - 3 ล้านบาท
 
          ต่อมาจากนั้นไม่นาน นางณัฐณิชาช์ได้ติดต่อกลับมายังตนว่าต้องการเงินคืน เพราะจะต้องนำเงินไปลงทุนซื้อที่ดิน แต่ได้บอกว่าจะขอชื่อของตนไปเข้าเป็นผู้ร่วมหุ้นด้วยได้หรือไม่ โดยได้อ้างเหตุผลเหมือนตอนแรก คือ เกี่ยวกับเรื่องครอบครัว ซึ่งตนก็ตอบตกลงไป เพราะเห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และหลังจากนั้นเรื่องดังกล่าวก็เงียบหายไป และเรื่องนี้กลับโผล่มาอีกทีในช่วงเดือนตุลาคม หรือพฤศจิกายน ปลายปี 2555 โดยนางณัฐณิชาช์ได้แจ้งมายังตนว่า ที่ดินดังกล่าวที่ไปซื้อไว้ สามารถขายได้แล้ว และมีการจ่ายเช็คที่มีชื่อตนรวมอยู่ด้วยจำนวน 27 ล้านบาท ซึ่งในช่วงนั้นตนก็ตกใจไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ตนจึงไปขอขึ้นเงินกับธนาคารเพื่อทยอยเอาเงินออกมา
 
          นายสมบัติ กล่าวต่อว่า ล่าสุด ในช่วงเดือนกุมพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา ทาง ป.ป.ช. ได้ติดต่อมายังตนว่า จะขอเชิญตัวไปให้ปากคำ เรื่องเกี่ยวกับ พล.อ.เสถียร เนื่องจาก ป.ป.ช. มีความสงสัยในเรื่องเงินจำนวนดังกล่าว หลังจากนั้นตนก็เดินทางไปให้ปากคำกับ ป.ป.ช. และได้แจ้งไปว่า ในวันพรุ่งนี้ (28 กุมภาพันธ์) ตนจะนำหลักฐานเอกสารทางการเงินทั้งหมดไปมอบให้กับ ป.ป.ช. ด้วย
 
          ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เช็คที่มีการสั่งจ่ายเงินให้กับอาจารย์จำนวน 27 ล้านบาท ได้มีการระบุที่มาของคนสั่งจ่ายเช็คหรือไม่ นายสมบัติ กล่าวต่อว่า ในเช็คมีการระบุผู้สั่งจ่ายเงิน คือ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ โดยเงินดังกล่าว ตนได้นำไปฝากที่สหกรณ์ออมทรัพย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งแต่ต้น ต่อมาก็มีการทยอยเบิกไปคืนแก่นางณัฐณิชาช์อย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีเงินเหลืออยู่กับตนประมาณ 8 ล้านบาท โดยการถอนเงินดังกล่าว จะเป็นช่วงที่ตนจะต้องเดินทางไปที่ธรรมศาสตร์ วิทยาเขตท่าพระจันทร์ เนื่องจากตนสอนอยู่ที่รังสิต ซึ่งการถอนเงินจะถอนประมาณครั้งละ 2 ล้านบาท ซึ่งก่อนถอนเงิน ตนจะแจ้งให้สหกรณ์ทราบล่วงหน้าทุกครั้ง
 
          เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาเคยที่สงสัยหรือไม่ ว่าเงินที่นำมาฝากเอาไว้เป็นเงินร้อน นายสมบัติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยรู้ข่าวระแคะระคายเรื่องอะไรมาเลย กลับกันหากตนทราบเรื่องนี้มาก่อน ก็คงไม่ยอมรับฝากเงินอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากที่ป.ป.ช. ได้เรียกไปให้ปากคำ ตนก็ได้แจ้งให้นางณัฐณิชาช์ทราบ ซึ่งก็ได้ชี้แจงไปตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เรื่องทั้งหมดนี้ตนไม่อยากจะไปกล่าวหาใครอะไร คิดว่าใครทำอะไรไป ก็คงจะต้องรู้อยู่แก่ใจ ส่วนการที่ตนได้ตัดสินใจอะไรลงไปโดยไม่มีความรอบคอบนั้น คงจะไม่ไปโกรธแค้นใคร ส่วนตัวของนางณัฐณิชาช์เอง ก็ได้ขอโทษตนที่ได้ทำให้ต้องมาเดือดร้อนด้วย ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ คงถือว่าเป็นคราวเคราะห์ของตน

 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



**หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สมบัติ จันทรวงศ์ แจงปมเงินร้อน 27 ล้าน รับฝากเงินภรรยา พล.อ.เสถียร โพสต์เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 16:52:56 1,833 อ่าน
TOP