เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับระบบรางก่อนเป็นอันดับแรก
เมื่อวานนี้ (27 กุมภาพันธ์) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ พ.ศ.... ซึ่งถือเป็นแผนยุทธศาสตร์พัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ เพื่อช่วยลดต้นทุนดำเนินการของภาคเอกชน โดยกระทรวงคมนาคมเป็นผู้พิจารณารายละเอียดของโครงการลงทุนดังกล่าว ขณะที่กระทรวงการคลัง โดยสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จะพิจารณาให้ความเห็นถึงความพร้อมในการจัดหาแหล่งเงินทุน
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า หากเป็นการเสนอแผนการลงทุน ด้านขนส่งทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นขนส่งทางราง ทางน้ำ ทางอากาศ และระบบย่อย ที่เชื่อมโยงกันของแต่ละจังหวัดต่อเนื่องไปในระยะ 10 ปีนี้ ไทยจะต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 4.2 ล้านล้านบาท แต่ในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จะเน้นไปที่ระบบรางก่อนเป็นอันดับแรก และใช้เงินทั้งสิ้น 2 ล้านล้านบาท ซึ่งรวมถึงการลงทุนด่านศุลกากร ที่จะเอื้อต่อการขนส่งสินค้าระหว่างกันด้วยส่วนหนึ่ง ขณะที่การลงทุนด้านอื่น ๆ จะนำไปจัดสรรในงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ ที่มองว่าในอนาคตรัฐบาลจะมีรายได้เข้ามามากขึ้น ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสามารถลดการขาดดุลได้จนเข้าสู่จุดสมดุลในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ อีกทั้งน่าจะทำให้สามารถวิเคราะห์โครงการต่างๆ ได้ดีขึ้นและมีความพร้อมในการลงทุนมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้กระทรวงคมนาคมจะจัดแสดงนิทรรศการการลงทุนระบบรางทั้งหมดระหว่าง วันที่ 7-10 มีนาคม ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน สามารถไปดูรายละเอียดของการลงทุนระบบราง และจะเปิดรับฟังข้อชี้แนะต่าง ๆ เพื่อจะนำมากำหนดรายละเอียดของโครงการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. อีกครั้ง ก่อนจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภาได้ประมาณปลายเดือนเมษายน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามกรอบเวลาที่รัฐบาลวางเอาไว้
นายกิตติรัตน์ ยังกล่าวอีกว่า ระหว่างนี้โครงการไหนที่มีความพร้อมก็เริ่มเดินหน้าได้ทันที โดยให้ทำคู่ขนานกันไป รัฐบาลไม่ได้หยุดชะงักการลงทุนอะไร อย่างรถไฟฟ้าสายสีแดงก็เดินหน้าได้ ครม. เห็นชอบกรอบการลงทุนเพิ่มเติมแล้ว ส่วนการลงทุนสร้างและพัฒนาด่านของกรมศุลกากรนั้น ถือว่ามีความจำเป็นจากจำนวนที่มีในปัจจุบัน 41 แห่ง และมี 9 แห่งที่เป็นด่านขนาดใหญ่ และต้องเพิ่มให้มากขึ้น เพื่อรองรับการขยายเส้นทางคมนาคมขนส่งสินค้าระหว่างกัน รวมทั้งต้องประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ อย่างตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ดังนั้น หน้าที่หลักของกรมศุลกากร คือ การให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว และถูกต้อง มากกว่าการทำหน้าที่จัดเก็บภาษีที่จะลดอัตราลงไปเหลือ 0% เรื่อย ๆ
ด้าน นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรได้รับจัดสรร วงเงินลงทุนตาม ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เป็นเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้ในการสร้างด่านใหม่ 28 แห่ง ที่จะเพิ่มขึ้นตามด่านชายแดนที่สำคัญ เช่น ที่อรัญประเทศ จ.ปราจีนบุรี และจะมีการพัฒนาปรับปรุงด่านเก่าอีก 8 แห่ง โดยน่าจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ปีนี้ เป็นต้นไป เพราะต้องมีการจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะช่วยให้กรมศุลกากรสามารถทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก