เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก independent.co.uk
ชาวบ้าน 200-300 คน ประท้วงอองซานซูจี ไม่เอาใจใส่ปัญหาเหมืองแร่ทองแดงที่พม่าร่วมทุนกับจีน แต่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในพื้นที่ ด้านซูจีแถลง ไม่สามารถหยุดโครงการได้ เพราะจะทำให้ความเชื่อมั่นจากประเทศจีนที่มีต่อพม่าเสื่อมเสีย
เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวเอพี รายงานว่า นางอองซานซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านในพม่า ต้องตกอยู่ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้าน 200-300 คนที่โกรธแค้น เนื่องจากไม่พอใจต่อการดำเนินโครงการเหมืองแร่ที่พม่าร่วมทุนกับจีน แต่สร้างปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ขณะที่อองซาน ซูจี ก็ยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการต่อ
โดยระหว่างที่อองซาน ซูจี เดินทางไปดูโครงการเหมืองแร่ทองแดงเลทปาดอง ที่อยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งไปราว 600 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา เธอได้ชี้แจงต่อหน้าชาวบ้านว่า "ถ้าเรายุติโครงการนี้ มันจะไม่เป็นประโยชน์ต่อคนในท้องถิ่นและประเทศชาติเลย เพราะตอนนี้ ประเทศอื่นยังไม่เชื่อมั่นในพม่าทางด้านเศรษฐกิจ ดังนั้น เราจึงต้องสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมา และเดินหน้าไปพร้อม ๆ กับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม"
นอกจากนี้ จากรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการรัฐสภาพม่า อันมีนางอองซานซูจีเป็นหัวหน้าคณะกรรมการ ที่เปิดเผยออกมาเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังระบุว่า โครงการเหมืองแร่ควรเดินหน้าต่อไป และไม่มีเอาผิดหรือลงโทษนายตำรวจที่ทำร้ายกลุ่มนักประท้วงจนบาดเจ็บสาหัส จากการเข้าปราบปรามด้วยปืนน้ำและกลุ่มควัน เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
จากท่าทีและคำแถลงของทางการ รวมถึงนางอองซาน ซูจี ดังกล่าว ได้เพิ่มความไม่พอใจและโกรธแค้นของชาวบ้านเป็นทวีคูณ โดยชาวบ้านคนหนึ่งได้ตอบโต้คำพูดของซูจี ว่าพวกเขาจะยังคงต่อต้านโครงการเหมืองแร่ต่อไป และไม่มีวันยอมให้มีการทำเหมืองในหมู่บ้านของพวกเขา อีกทั้งการประท้วงจะยังคงดำเนินต่อไป จะกว่าจะมีการยุบโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ ชาวบ้านอีกหลายคนยังได้ร้องไห้ด้วยความขุ่นเคืองและเสียใจ บางคนถึงกับพูดทั้งน้ำตาว่า "ความรักทั้งหมดที่พวกเราเคยมอบให้แก่ซูจี ตอนนี้มันไม่มีความหมายใด ๆ อีกแล้ว พวกเราเคยหวังว่าซูจีจะปกป้องชาวบ้าน นักประท้วง และพระสงฆ์ แต่รายงานการสอบสวนที่ออกมามันไม่ต่างอะไรจากโทษประหารสำหรับประชาชน ทั้ง ๆ ที่เธอเคยพูดเองว่าเธอจะไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกับประชาชน ไม่ต้องมาที่นี่อีก เพราะพวกเรารู้สึกเลวร้ายอย่างมากสำหรับชื่อของซูจี"
และนั่นก็เป็นที่ชัดเจนว่า ผลรายงานการสอบสวนที่ออกมานั้น ส่งผลกระทบต่อความนิยมต่อนางอองซานซูจี ซึ่งจะนำพาพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย สู้ศึกสนามเลือกตั้งในอีก 2 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน
