เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
กฟผ.
ยัน ฮอต สแตนบาย เหลือเฟือ สำรองพร้อม 100% รับมือ 5-14
เม.ย.
พม่าซ่อมแหล่งก๊าซ ชี้เดือน มี.ค. ยังใช้ไฟไม่ถึงขั้นพีค
แต่คาดว่าจะพีคที่สุดในวันที่ 6 เม.ย.
วานนี้
(25 มีนาคม) นายธนา พุฒรังษี รองผู้ว่าการระบบส่ง
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 37-38 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม เป็นต้นมา แต่ตนมั่นใจว่าจะไม่เกิดช่วงเวลาใช้ไฟฟ้าสูงสุด
(จุดพีค) ในเดือนมีนาคมนี้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังไม่มีผลต่อปริมาณการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศด้วย
ทั้งนี้
เนื่องจากปัจจุบันมีการสำรองไฟอย่างเต็มกำลังการผลิต ราว 32,000 เมกะวัตต์
จำนวนนี้มีสำรองไฟฟ้าที่พร้อมเดินเครื่องผลิต (ฮอต สแตนบาย) 1,200-1,500 เมกะวัตต์
ขณะที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้า เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมานั้น อยู่ที่ 25,356 เมกะวัตต์
และคาดว่าปลายเดือนมีนาคมจะขยับขึ้นไปถึง 25,800 เมกะวัตต์
ส่วนจุดพีคที่คาดการณ์ไว้คือ วันที่ 6 เมษายน
จะมีปริมาณไฟฟ้าถึง 26,300 เมกะวัตต์
นายธนา
ยังกล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับข้อมูลคาดการณ์อุณหภูมิของปีนี้อยู่ที่ 38-39 องศาเซลเซียส
เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 0.5-0.7 องศาเซลเซียส ส่วนการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 300
เมกะวัตต์
สำหรับความคืบหน้าการดูแลปริมาณการผลิตไฟฟ้าในช่วงวันที่
5-14 เมษายน ที่แหล่งก๊าซพม่าฯ
จะหยุดซ่อมบำรุงทำให้ปริมาณไฟฟ้าของไทยหายไปประมาณ 1,100 เมกะวัตต์ ว่า ขณะนี้ปริมาณสำรอง ฮอต สแตนบาย เพิ่มขึ้นเกินระดับมาตรฐาน 1,200-1,500 เมกะวัตต์แล้ว
ทั้งนี้เป็นเพราะได้ความร่วมมือจากผู้ผลิตโรงไฟฟ้าเอกชน ซึ่งจากเดิมทาง กฟผ. มี
ฮอต สแตนบาย อยู่ที่ 767 เมกะวัตต์ และคาดว่าปริมาณ ฮอต สแตนบาย ในวันที่ 5
เมษายน
จะอยู่ที่ 1,703.9 เมกะวัตต์ โดยในจำนวนนี้ยังไม่รวมปริมาณไฟฟ้าที่ประชาชนและร้านค้าให้ความร่วมมือในการประหยัดไฟด้วย
ท้ายนี้
นายธนา ยังได้กล่าวถึงการทดสอบโรงไฟฟ้าที่ต้องเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากก๊าซฯ เป็นดีเซล
ในช่วงวันที่ 5-14 เมษายน ว่า ล่าสุดได้ตรวจสอบเกือบ 100% แล้ว
โดยโรงไฟฟ้าฝั่งตะวันตกจำนวน 12 โรง ทดสอบแล้วพบว่าสามารถเดินเครื่องได้ 100%,
โรงไฟฟ้าฝั่งตะวันออกจำนวน
11 โรง ทดสอบแล้วจำนวน 9 โรงทั้งหมดเดินเครื่อง 100% ส่วนอีก 2
โรงที่เหลือนั้น
จะดำเนินการทดสอบให้เสร็จก่อนวันที่ 5 เมษายน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก