ขอขอบคุณภาพประกอบจาก odditycentral
นักเรียนชั้นมัธยมปลายชาวอินโดนีเซีย สุดเจ๋ง คิดค้นสเปรย์ปรับอากาศ ทำจากมูลวัว ไม่มีกลิ่นเหม็น แถมยังหอมสมุนไพรอ่อน ๆ จากกระบวนการผลิตแบบธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี
หากเอ่ยถึง สเปรย์ปรับอากาศ คุณคงจะนึกถึงกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนอยู่ในทะเล หรือกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกไม้ทั้งหลาย แต่แน่นอนว่าคงจะไม่มีใครที่คิดถึงวัตถุดิบสุดพิสดารอย่าง มูลวัว ที่ไม่ว่าจะดูหรือดมอย่างไร ก็ไม่น่าที่จะมีกลิ่นหอมหรือนำมาปรับอากาศในห้องของคุณให้บริสุทธิ์สดชื่นได้เลย
แต่ล่าสุด สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ก็ได้กลายเป็นจริงแล้ว เมื่อดวี ไนลุล ลัซซาห์ และ รินทยา อพริอันทิ มิคิ นักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลาย จากประเทศอินโดนีเซีย ได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ซึ่งมีความโดดเด่นเหนือใครในการแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิกของประเทศอินโดนีเซีย ในกรุงจาการ์ตา เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และสร้างความประทับใจให้แก่คณะผู้ตัดสินอย่างมาก ด้วยการคิดค้นสเปรย์ปรับอากาศจากขี้วัว ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของธัญพืช ซึ่งทำให้วกเธอได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันนี้ไปครอง
แน่นอนว่าสำหรับสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ ไม่ได้มีดีเพียงแค่มีกลิ่นหอมเท่านั้น แต่มันยังเป็นสิ่งประดิษฐ์รักษ์โลก ซึ่งปราศจากสารเคมีในเชิงพาณิชย์ อย่างที่สเปรย์ปรับอากาศที่ขายกันโดยทั่วไปมักจะผสมไว้ แถมยังมีราคาถูกอย่างมาก โดยสเปรย์ปรับอากาศที่ขายกันในท้องตลาด ขนาด 275 กรัม มีราคากระป๋องละ 4 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สเปรย์ปรับอากาศจากขี้วัว ขนาด 225 กรัม มีราคาเพียงกระป๋องละ 2 ดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น
ทั้งสองสาวเผยว่า ในกระบวนการทำสิ่งประดิษฐ์นี้ พวกเธอจะต้องเข้าไปเก็บขี้วัวจากฟาร์มปศุสัตว์ใน ลามอนกาม และ อีสต์ จาวา มาหมักทิ้งไว้เป็นเวลา 2 วัน จากนั้นก็สกัดน้ำจากขี้วัวเหล่านี้นำมาผสมเข้ากับน้ำมะพร้าว และขั้นตอนสุดท้ายคือกลั่นของเหลวที่ได้เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกทั้งหมด โดยกระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาถึง 7 วัน เพื่อให้ได้สเปรย์ปรับอากาศปราศจากสารเคมี ที่มีกลิ่นหอมเหมือนธัญพืชจากธรรมชาติ ซึ่งถูกป้อนให้วัวกิน
และเพราะสเปรย์ปรับอากาศของพวกเธอไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตราย ทำให้มันดีต่อสุขภาพ และในตอนนี้สิ่งประดิษฐ์ของพวกเธอทั้งคู่ก็ได้ถูกนำมาจัดแสดงไว้ที่ สถาบันสิ่งแวดล้อมโอลิมปิกระหว่างประเทศ ใน อิสตันบูล ประเทศตุรกี และมันก็พร้อมแล้วที่จะได้รับการจดสิทธิบัตร