x close

ลุงใจ หนองมีทรัพย์ จอมพรานผู้พิทักษ์ผืนป่ากุยบุรี

ลุงใจ หนองมีทรัพย์ จอมพรานผู้พิทักษ์ผืนป่ากุยบุรี

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก BE Magazine

            "ถ้าไม่มีเงิน เข้าป่าเรารอด แต่ถ้าไม่มีเงิน เข้าเมืองอาจตายได้" ประโยคสั้น ๆ แต่ทุกคำล้วนเป็นความจริง และเป็นสิ่งที่ "ลุงใจ หนองมีทรัพย์" พรานป่าวัยชราผู้เข้าใจลมหายใจธรรมชาติบอกให้เรารู้

            ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 "ลุงใจ หนองมีทรัพย์" ดำรงชีพในฐานะพรานป่าแห่งผืนป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี แต่เพราะความที่เป็นคนเข้าใจผืนป่าแห่งนี้ทุกตารางนิ้ว สุดท้ายแล้ว อดีตพรานที่เข้าป่าล่าสัตว์ ก็ได้กลายมาเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลหวงแหนป่าเสียเอง เมื่อลุงใจได้มีโอกาสทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในช่วงหนึ่ง แต่แล้วเขากลับต้องเผชิญกับผู้มีอำนาจที่คิดหาประโยชน์จากป่า โดยที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสียงเล็ก ๆ อย่างเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย

            "ช่วงที่ลุงเป็นผู้ช่วย เราทำอะไรแทบไม่ได้เลย จะห้ามก็ห้ามไม่ได้ ความคิดเริ่มไม่ตรงกัน เราก็ลาออก หลังจากนั้นมีการสอบสวน ผู้ใหญ่บ้านถูกจับติดตาราง เขามาสอบสวนลุงเหมือนกัน แต่ลุงไม่มีความผิด เพราะลุงทำทุกวิถีทางเพื่อกันผืนป่าให้เป็นประโยชน์กับส่วนรวม ให้เป็นประโยชน์กับชาวบ้าน" อดีตพรานป่าเล่าให้ฟัง

            จากนั้นไม่นาน ลุงใจ หนองมีทรัพย์ ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานให้กับกรมป่าไม้ ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2540 ลุงใจ จะขอย้ายกลับมาปกป้องผืนป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรีที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่เล็ก ๆ การกลับมาครั้งนี้ในฐานะเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทำให้ลุงใจสามารถจัดการกับคนกระทำผิดในพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังมองว่า การใช้ความรุนแรงไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหา

            "หากจับเขาไป ลูกหลานที่คอยหัวหน้าครอบครัวกลับบ้านจะทำอย่างไร แต่ความผิดก็คือความผิด ลุงใช้การประนีประนอมแล้วก็บอกเขาไปว่า อย่าให้เจออีก ถ้าเจอทำผิดอีก คราวนี้จะจับจริง ไม่ออมชอม" นี่คือสิ่งที่ลุงใจใช้ควบคู่ไปกับกฎหมาย

            แต่ถึงกระนั้น ลุงใจ ก็ต้องต่อสู้กับใจของตัวเองไม่ให้หลงผิดไปกับสิ่งยั่วยุที่มีคนหยิบยื่นให้ และโชคดีที่ลุงใจไม่เคยรับข้อเสนอจากคนที่คิดจะเข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากผืนป่าแม้สักรายเดียว พร้อมกับฝากถึงเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทุกคนว่า

            "ถ้าคิดจะทำงานตรงนี้ต้องตัดให้ได้ แม้โอกาสจะมาง่าย สุดท้ายแล้วเนื้อก็ต้องมาเก็บเราเข้าสักวัน เคยมีคนพาลุงไปถอยรถป้ายแดง เขาให้ลุงชี้เลยนะจะเอาคันไหน แต่ลุงปฏิเสธ รู้สึกดีที่วันนั้นตัดสินใจทำแบบนั้น มักน้อยมันอยู่ยาว ใครก็ตามที่คิดจะทำแบบนั้น สักวันหนึ่งต้นไม้ต้องล้มทับ ไม่ช้าก็เร็ว หากเราตายไป ลูกหลานจะอยู่อย่างไรได้ ถ้ามีพ่อเป็นคนโกง มักมาก"

            แม้ลุงใจจะไม่รู้หนังสือ แต่เขารู้จักต้นไม้ทุกต้นของผืนป่าแห่งนี้ นักวิชาการ นักวิจัยทุกราย จึงต้องมาขอรับความรู้จากลุงใจ หนึ่งในลูกศิษย์สำนักลุงใจที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือ "นเรศ สุขรินทร์" (ทาร์ซาน บอย) สมาชิกกลุ่มนักเดินป่าอาสากู้ภัย ที่ก็ตกหลุมพรางให้กับความรู้ของลุงใจหลายครา และหลงใหลกับความรู้ที่ลุงใจพร้อมจะถ่ายทอด

            หลายคนถามลุงใจว่า ทำไมต้องมาเสี่ยงภัยในป่า ไม่เข้าไปเที่ยวในเมืองกรุงอันแสนศิวิไลซ์ แต่อดีตพรานวัยชราบอกว่า ในป่านี่แหละที่จะช่วยให้มนุษย์มีชีวิตรอด เพราะมีพืชพันธุ์ธัญญาหารสมบูรณ์ จะมีก็แค่งูเท่านั้นที่เป็นศัตรู แต่ถ้าเข้ากรุงเทพฯ เมื่อไร ต้องคอยระวังไฟช็อต แถมต้องระวังรถที่จะวิ่งมาชนอีกต่างหาก


ลุงใจ หนองมีทรัพย์ จอมพรานผู้พิทักษ์ผืนป่ากุยบุรี

            นอกจากนั้น สำหรับลุงใจแล้ว การเข้ามาเดินในป่า ได้สัมผัสกลิ่นของป่า ยังสร้างความสุขให้กับเขาเป็นอย่างมาก และสิ่งหนึ่งที่ได้จากป่าแห่งนี้ และเป็นสิ่งที่ลุงใจจะไม่มีวันลืมเลือนเลยก็คือ การที่ลุงใจได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้นำทางเสาะหาต้นจันทน์หอม เพื่อนำมาประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ในครั้งที่ผ่านมา ภารกิจครั้งนั้นทำให้ลุงใจรู้สึกเป็นเกียรติแก่นามสกุล "หนองมีทรัพย์" มากที่สุดในชีวิต

            "ไม้จันทน์หอมทุกต้นใช่ว่าจะนำมาประกอบพิธีได้ แต่ต้องเป็นไม้ยืนตายพราย เพราะความหอมยังอบอวลอยู่ในต้น ลุงหาได้ทั้งหมด 15 ต้น พราหมณ์จะถามทีละต้นว่าตายมากี่ปี ต้นนี้ลุงก็บอกเขาไป ถ้า 5 ปี เปลือกจะร่อน แต่ถ้าตาย 8 ปี จะเหลือแต่แกน สุดท้ายเหลือที่ใช้ได้จริงเพียง 3 ต้น" ลุงใจบอกอย่างผู้รู้

            ทุกวันนี้ แม้ว่าลุงใจจะเกษียณพ้นตำแหน่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีมาแล้วถึง 2 ปี แต่ทุกคนที่มาเยือนที่แห่งนี้ ยังต้องการลุงใจเสมอ เพราะทุกคนเชื่อว่า ลุงใจคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของป่าในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ด้วยกายและใจที่ยึดมั่น และคำพูดที่พรานป่าคนนี้พร่ำบอกกับคนรุ่นหลังทุกคนเสมอ ๆ ก็คือ

            "หากไม่มีป่า จะไม่ใช่แค่ลุงเท่านั้นที่ลำบาก พวกเราทุกคนจะต้องแห้งตาย ปล่อยชีวิตให้ตายผ่อนส่ง"...



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

นิตยสาร BE Magazine


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ลุงใจ หนองมีทรัพย์ จอมพรานผู้พิทักษ์ผืนป่ากุยบุรี โพสต์เมื่อ 9 เมษายน 2556 เวลา 14:40:22 3,973 อ่าน
TOP