เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์
ผวจ.ชุมพร เผยข้อเท็จจริงกรณีลูกทิ้งแม่ที่สถานีรถไฟหลังสวน ที่แท้แค่น้อยใจลูกชายที่ไม่ยอมพาไปหาลูกสาว
จากกรณีที่อาสาสมัครกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีหญิงชราวัย 85 ปี ถูกลูกสาวและลูกเขยนำมาทิ้งไว้ที่สถานีรถไฟหลังสวน เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 11 เมษายน จึงประสานไปยังศูนย์ประชาบดี บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย น.ส.พวงเพ็ญ ใจกว้าง หัวหน้าบ้านพักฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้พาหญิงชราคนดังกล่าวมาพักชั่วคราวที่ศูนย์ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันนี้ (12 เมษายน) นายชาติชาย อุทัยพันธ์ รอง ผวจ.ชุมพร ได้เดินทางไปยังบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมมอบกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพและเงินสดจำนวนหนึ่งแก่ นางทองดี โพธิ์ศรี อายุ 85 ปี โดยมี น.ส.พวงเพ็ญ ให้การต้อนรับ และร่วมกันสอบถามนางทองดี ซึ่งใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 20 นาที
จากนั้น น.ส.พวงเพ็ญ เผยว่า จากการพูดคุยทำให้ทราบว่า นางทองดีเป็นชาว จ.พิจิตร และมาอยู่ที่ อ.หลังสวน กับลูกสาวซึ่งมีอาชีพขายของเร่ตามงานวัด เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นางทองดีต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหลังสวน ลูกสาวจึงพาไปฝากไว้กับพี่ชายที่มีอาชีพทำประมงอยู่ที่ปากน้ำหลังสวน และลูกชายได้ให้การดูแลนางทองดีเป็นอย่างดี แต่นางทองดีเกิดคิดถึงลูกสาวอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ จ.ราชบุรี และต้องการเดินทางไปหา แม้ลูกชายจะขอร้องว่าอย่าเพิ่งไป เพราะช่วงนี้รถเยอะ เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่นางทองดีก็ไม่ยอม ลูกชายจึงต้องพานางทองดีมาส่งขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟหลังสวน เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 11 เมษายน ทั้งนี้ ที่นางทองดีได้แต่เดินไป เดินมา นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่สถานี ก็เพราะไม่ได้เดินทางคนเดียวมานาน จนมีผู้พบเห็นและแจ้งให้อาสาสมัครกู้ภัยทราบ
ส่วนการที่นางทองดีให้ข่าวว่า ถูกลูกนำมาทิ้ง อาจเกิดจากความน้อยใจ เพราะนางทองดียืนยันว่า จะไม่ยอมกลับไปอยู่กับลูกชายอีก จะขอไปอยู่กับลูกสาวที่ จ.ราชบุรี เท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานกับ สภ.ปากน้ำหลังสวน จนตามหาลูกชายนางทองดีพบแล้ว โดยลูกชายรับปากว่า จะรีบเดินทางมารับนางทองดี แต่หากนางทองดียังไม่ยอมกลับไปอยู่กับลูกชายอีก เจ้าหน้าที่ก็จะพาไปส่งบ้านลูกสาวที่ จ.ราชบุรี
ด้าน นายชาติชาย กล่าวว่า หลังพูดคุยกับนางทองดีและหัวหน้าบ้านพักฯ ก็สรุปได้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากปัญหาภายในครอบครัว ไม่ใช่การที่ลูกนำแม่มาทิ้งที่สถานีรถไฟตามที่ปรากฏเป็นข่าว การที่นางทองดีให้ข่าวไปแบบนั้นคงเป็นเพราะมีปัญหากับลูกชายและเกิดจากความน้อยใจเท่านั้น จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับลูก ๆ ของนางทองดีด้วย และเนื่องในวันที่ 13 เมษายน เป็นวันผู้สูงอายุ ตนจึงอยากฝากให้ลูก ๆ ทุกคนที่ยังมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ ควรให้ความสำคัญแก่ท่านให้มาก ๆ ส่วนกรณีของนางทองดีนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะดูแลให้ดีที่สุด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
