เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส
ป.ป.ช. สั่งอายัด โรงแรมวารินบุรี & สปา ใน จ.อุบลราชธานี ของภรรยา พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ หลังเตรียมขายต่อทางเว็บ เพื่อเปลี่ยนเจ้าของ ขณะเดียวกับเร่งตรวจสอบ โรงแรมเดอะบูทิค วารินบุรี โฮเทล ที่ขายต่อไปก่อนหน้านี้ ว่ามีแหล่งที่มาของเงินถูกต้องหรือไม่
เมื่อวานนี้ (16 เมษายน) สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า นายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกคำสั่งให้อายัดโรงแรมวารินบุรี & สปา ใน จ.อุบลราชธานี ของนางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ ภรรยา พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกลาโหม ที่ถูกทาง ป.ป.ช. มีมติอายัดทรัพย์ ในคดีร่ำรวยผิดปกติ เพิ่มเติมจากคดีเดิมที่ได้อายัดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ทั้งนี้ นายวิชา ได้ตรวจสอบพบหลักฐานจนเชื่อได้ว่า ในคดีดังกล่าวมีการพยายามจะโอนย้ายทรัพย์สินส่วนนี้เกิดขึ้น โดยประกาศขายผ่านทางเว็บไซต์ จึงเห็นสมควรที่ออกคำสั่งอายัดโรงแรมดังกล่าวไว้ชั่วคราวก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการโอนย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินตามอำนาจ
นอกจากนี้ ยังมีโรงแรมเดอะบูทิค วารินบุรี โฮเทล ซึ่งเป็นของนางณัฐณิชาช์ ได้มีการขายไปก่อนหน้านี้ โดยล่าสุดทาง ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่าเงินที่นำมาใช้ในการซื้อมาจากใคร และเมื่อขายต่อแล้วเงินที่ได้อยู่ตรงไหน อีกทั้งแหล่งที่มาของเงินมีความถูกต้องหรือไม่ ซึ่งหากได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทาง ป.ป.ช. ระบุว่า ยังคงต้องสอบปากคำพยานผู้เกี่ยวข้องอีกหลายปาก โดยในส่วนของ นางณัฐณิชาช์ และ นางสาวณิชาพัฒน์ บุตรบุญธรรม แจ้งว่าจะเข้ามาให้ปากคำภายในเดือนเมษายน 2556 นี้ ส่วน พล.อ.เสถียร ได้ให้ทนายความส่วนตัว ติดต่อเข้ามาว่า จะมาให้ปากคำในช่วงเดือนพฤษภาคม 2556 นี้
ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า บุคคลที่เข้ามาซื้อโรงแรมเดอะบูทิค วารินบุรี โฮเทลนั้น คือ นายวรวิต พันธ์ทอน เจ้าของร้านเอื้อธนพัฒน์ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องกล่าวหาทุจริตการซื้อถุงยังชีพของศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ศปภ.) นอกจากนี้ นายวรวิต ยังมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ของบริษัทในเครือข่าย นายกำพล ธนบุณยวัฒน์ นักธุรกิจค้าข้าว และบริษัทที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 2 แห่ง คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอื้อรสวันต์ และบริษัท ชัย ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด โดยได้รับการว่าจ้างจากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนากองบัญชาการทหารสูงสุด ในยุค พล.อ.เสถียร เป็นผู้บัญชาการทหารพัฒนา รวมวงเงินเกือบ 70 ล้านบาท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
สำนักข่าวอิศรา
