เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ Lakornhd Thaitv สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ร.ต.ต.ธาตรี สืบสมาน จับสาวลาวไปกักขังข่มขืนมาราธอนที่ห้องพัก หลังพบเหยื่อขณะขับแท็กซี่หารายได้พิเศษ ด้าน ผบช.น. ลั่น ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย สั่งตั้งทีมสืบสวน ขอ 3 วัน สางคดี
เมื่อวานนี้ (24 เมษายน) พ.ต.ท.สมภพ สุภาพร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ นำกำลังพร้อมหมายศาล เดินทางไปยัง สน.ทองหล่อ เพื่อจับกุม ร.ต.ต.ธาตรี สืบสมาน อายุ 53 ปี ชาวกรุงเทพฯ ผู้ต้องหาคดีข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาของตน และกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น แต่ ร.ต.ต.ธาตรี ไหวตัวทัน หลบหนีไปก่อนหน้านี้ ประมาณ 1 ชั่วโมง พร้อมปิดโทรศัพท์มือถือด้วย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 21 เมษายน น.ส.สวย (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม ได้พา น.ส.นก (นามสมมุติ) และนายไก่ (นามสมมุติ) แฟนหนุ่มของ น.ส.นก ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นลูกจ้างสัญชาติลาว เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ว่า น.ส.นก ถูกคนขับรถแท็กซี่ อ้างตัวเป็นตำรวจ กักขังหน่วงเหนี่ยว จับใส่กุญแจมือไขว้หลัง ก่อนลงมือข่มขืนจนถึงรุ่งเช้าของอีกวันหนึ่ง จนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งเหตุเกิดในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
ด้าน น.ส.นก ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 20 เมษายน ตนกับแฟนหนุ่มได้ว่าจ้างรถแท็กซี่ สีเขียว เหลือง ทะเบียน มง 8929 กรุงเทพมหานคร จากย่านพุทธมณฑล เพื่อให้ไปส่งที่ จ.ระยอง โดยคนขับแท็กซี่คันดังกล่าวใช้เส้นทางด่วนกาญจนาภิเษก เพื่อไปส่งยังที่หมาย แต่ระหว่างที่รถแท็กซี่วิ่งข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาถึงทางลงถนนสุขุมวิท ใกล้พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ จ.สมุทรปราการ คนขับได้เลี้ยวรถลงจอดด้านล่าง พร้อมไล่แฟนตนลงจากรถ ก่อนใช้กุญแจมือล็อกข้อมือตนไขว้หลังต่อหน้าแฟนที่ยืนมองอยู่ริมถนน
หลังจากนั้นคนขับแท็กซี่ได้ขับรถพาตนมาที่ห้อง ซึ่งอยู่ชั้นที่ 2 ของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง แล้วจับตนถอดเสื้อผ้า ก่อนลงมือข่มขืนหลายครั้งตลอดทั้งคืน จนได้รับบาดเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ มีเลือดไหล ทั้ง ๆ ที่ยังล็อกกุญแจมือไขว้หลังไว้ กระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันรุ่งขึ้น จึงยอมไขกุญแจมือปล่อยให้ตนอาบน้ำใส่เสื้อผ้า แล้วพาขึ้นรถแท็กซี่กลับไปส่งที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ทั้งนี้ คนร้ายได้อ้างตัวว่าเป็นนายตำรวจชื่อ ร.ต.ต.ธาตรี สืบสมาน ประจำอยู่ที่ สน.ทองหล่อ พร้อมจดชื่อและเบอร์โทรศัพท์ให้ไว้ แต่ขู่ว่าห้ามนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าให้ใครฟัง ไม่เช่นนั้นจะกลับมาฆ่าให้ตาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถแท็กซี่คันดังกล่าว จนทำให้ทราบว่า ชื่อผู้ครอบครองรถตรงกับชื่อที่คนร้ายให้ไว้กับผู้เสียหาย จึงค้นข้อมูลรูปภาพจากทะเบียนราษฎร และพบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นตำรวจจริง โดยผู้เสียหายได้ชี้ตัวยืนยันด้วยว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุจริง จึงทำการรวบรวมหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเดินทางไปจับกุม แต่ปรากฏว่า ร.ต.ต.ธาตรี ไหวตัวทันเก็บข้าวของหลบหนีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ และข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยทรมานหรือทารุณโหดร้ายหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จนกระทั่ง เวลา 16.00 น. ของวานนี้ ร.ต.ต.ธาตรี ได้ติดต่อมายัง พ.ต.ท.สมภพ สุภาพร พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีว่า จะเดินทางเข้ามอบตัวในวันที่ 25 เมษายน เวลา 14.00 น. ที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ
ขณะที่ความคืบหน้าในวันที่ 25 เมษายน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของเรื่องนี้แล้ว และได้เรียกตัว ร.ต.ต.ธาตรี มาช่วยราชการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พร้อมระบุด้วยว่า จากหลักฐานทางคดีที่ได้มานั้นยังมีปัญหาอยู่ 3 จุด คือ
1. ต้องรอผลตรวจร่างกายจากแพทย์ว่าผู้เสียหายถูกข่มขืนหรือไม่ ซึ่งจะได้ผลการตรวจในอีกประมาณ 7 วัน
2. ยังตามหาตัวผู้ชายที่มาด้วยกันกับผู้เสียหาย และถูก ร.ต.ต.ธาตรี ไล่ลงกลางทาง ไม่พบ
3. ผู้เสียหายยังไม่ทราบว่าถูกพาไปข่มขืนที่ไหน
ด้วยเหตุนี้ ผบช.น. จึงได้สั่งการให้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมด ไล่มาตั้งแต่จุดที่ผู้เสียหายขึ้นรถแท็กซี่ รวมทั้งจุดที่แฟนผู้เสียหายถูกไล่ลงจากรถ พร้อมย้ำว่า ตำรวจที่กระทำผิดจะต้องถูกลงโทษมากกว่าประชาชน และตนจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ยังระบุด้วยว่า จะเร่งทำคดีให้เสร็จภายใน 3 วัน แม้จะยังไม่ได้รับผลตรวจของแพทย์ แต่หากพยานหลักฐานชัดเจนแล้ว ก็จะสั่งให้นายตำรวจคนดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อน และไม่อยากให้มองว่าเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาเอง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
