แม่ ฮาเวิร์ด ขอความเป็นธรรม สตม. (ไอเอ็นเอ็น)
มารดา ฮาเวิร์ด หวัง เข้าร้อง ผบช.สตม. ขอความเป็นธรรม ลูกถูกคุมขังคดีบุกรุกและถูกขึ้นบัญชีดำของ ตม. ชี้ โดนถึง 3 คดี ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เผย ฮาเวิร์ด หวัง นอนคุกวันแรกเครียดหนัก สั่งจับตาดูใกล้ชิดหวั่นคิดสั้น
วันนี้ (26 เมษายน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจูลี่ ฉู่ มารดาของ นายฮาเวิร์ด หวัง นายแบบและอดีตนักร้องชื่อดัง ชาวไต้หวัน ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พลตำรวจโทภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขอคำชี้แจง กรณีที่บุตรชายถูกขึ้นบัญชีดำ เป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร โดยระบุว่า แม้ ฮาเวิร์ด จะเคยถูกดำเนินคดี แต่ศาลไม่ได้พิจารณาโทษหนัก จึงอยากขอความเป็นธรรม นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า พาสปอร์ตของฮาเวิร์ดเป็นของจริง แม้จะมีการเปลี่ยนชื่อก็ตาม
"วันนี้ที่มามี 2 ข้อ ที่อยากให้พิจารณา คือ ข้อ 1 พาสปอร์ตฮาเวิร์ดเป็นของจริง เมื่อกี้เป็นพาสปอร์ตท่องเที่ยวเข้ามา แล้วข้อที่ 2 แม่ไม่เข้าใจว่าต้องตั้งข้อกล่าวหาว่าลูกแม่เป็นคนอันตราย อันนี้แม่รับไม่ได้ แค่อยากให้ทางตำรวจอธิบายว่าทำไมเขาเป็นคนอันตราย อันนี้เกี่ยวกับอนาคตเขา ต่อไปเค้าไปไหนทุกคนจะมองว่าเขาเป็นคนอันตราย คนเป็นแม่จำเป็นต้องออกมาพูด เราอยากให้เขาอยู่กับเราตลอดไป เราแค่อยากขอความยุติธรรมให้กับฮาเวิร์ด น่าสงสารลูก" นางจูลี่ กล่าว
พร้อมกันนี้ นางจูลี่ ยังระบุอีกว่า ตนอยากร้องเรียนแค่ 2 ข้อ เพราะไม่รู้จะช่วยลูกยังไง แค่อยากให้เขาอยู่กับเรา วันนี้มีหนังสือมายื่นให้ผู้ใหญ่วิเคราะห์อีกครั้งว่าเขาเป็นเด็กน่ารัก และเป็นคนดี ส่วนเรื่องติดแบล็กลิสต์นั้น ทางเราไม่เคยทราบเลยว่าลูกโดนแบล็กลิสต์ และไม่เคยได้หนังสือแจ้งอะไร อันนี้ขอยืนยัน ส่วนตัวฮาเวิร์ดนั้นตอนนี้เขายังไม่ทราบว่าจะต้องเข้าเรือนจำ ยอมรับว่าห่วง แต่เชื่อว่าเขาดูแลตัวเองได้ เพราะเขาเคยเกณฑ์ทหารมาก่อน สภาพจิตใจตนนี้ก็พูดเลยว่าช็อกมาก เพราะอยากให้ลูกกลับบ้านมาอยู่ด้วยกัน ทางสถานทูตไต้หวัน ผู้ใหญ่ก็บอกว่าจะช่วยเต็มที่
ด้าน พลตำรวจโทภาณุ กล่าวว่า ได้มีการดำเนินคดีตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.เข้าเมือง ซึ่งเมื่อคนต่างชาติกระทำผิดในประเทศไทย แม้จะมีการถูกดำเนินคดีเพียงครั้งเดียว ก็ต้องถูกขึ้นบัญชีดำ ซึ่งกรณีของ ฮาเวิร์ด ถูกดำเนินคดีอาญาถึง 3 คดี หนึ่งในนั้นเป็นคดีครอบครองกัญชา ซึ่งถือว่าเป็นคดีสำคัญ ดังนั้น จึงต้องถูกขึ้นบัญชีดำตามระเบียบ และห้ามเข้าประเทศเป็นเวลา 5 ปี ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม และจะถูกผลักดันออกนอกประเทศทันที ที่การดำเนินคดีฐานบุกรุกเคหสถานในยามวิกาลเสร็จสิ้น แต่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ หลังจากครบกำหนดห้ามเข้าประเทศ เป็นเวลา 5 ปีแล้ว
"คดีอาญา 3 คดี ใน 2 ปี มีคดีทำร้ายร่างกายที่ศาลพระนครเหนือ คดีเสพยาบ้า ส่วนอีกคดีที่ห้วยขวาง ครอบครองกัญชา เหตุต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เราต้องขึ้นแบล็กลิสต์เขา จริง ๆ เมื่อเกิดเหตุแล้วถ้าเจอต้องผลักดันส่งออก เนื่องจากเขาเป็นคนต่างชาติ การที่เขามาอยู่ในประเทศไทยคือมาเป็นศิลปิน นายแบบ เมื่อทำผิดต้องขึ้นแบล็กลิสต์ คราวนี้พอมีคดีอื่นที่เกิดขึ้น ทางเราต้องอายัดตัว พอเสร็จคดีก็ต้องส่งออกครับ" พลตำรวจโทภาณุ ระบุ
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยังกล่าวด้วยว่า ฮาเวิร์ด หวัง เข้ามาโดยเปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนเลขพาสปอร์ต เมื่อคุณแม่มายื่นหนังสือแล้วเราก็คงรับพิจารณา อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาคดีครอบครองกัญชา ก็ถือเป็นความผิดอาญา ซึ่งเป็นองค์ประกอบของบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศแล้ว
ส่วนการพิจารณาการปลดแบล็กลิสต์นั้น พลตำรวจโทภาณุ ระบุว่า ส่วนใหญ่จะพิจารณาโดยผ่าน 5 ปีไปแล้ว คือหลังคดีหมดเขตแล้ว กรณีนี้ คงตอนนี้ต้องรอผลต่าง ๆ ก่อน แต่ยืนยันว่า เหตุผลในการส่งตัวกลับนั้นมีมากมาย กรณีนี้ หากมองทางดุลพินิจก็เห็นว่าคงต้องส่งตัวกลับ โอกาสยืดหยุ่นจะมีหรือไม่นั้น คงต้องรอในเรื่องของเวลา ส่วนเอกสารที่จะยื่นนั้น ก็มีกรรมการพิจารณาอีกที โดยดูเป็นเคส ๆ ไป
ขณะที่ นายสรสิทธิ์ จงเจริญ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวถึง นายฮาเวิร์ด หวัง นายแบบและอดีตนักร้องวงไจแอนท์ ที่ถูกควบคุมตัวเข้ามาในเรือนจำ ว่า หลังจาก นายฮาเวิร์ด หวัง ถูกส่งเข้ามาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แล้วได้ไปอยู่ในแดนแรกรับปกติ ไม่ได้มีอภิสิทธิ์พิเศษอะไร มากกว่าผู้ต้องขังคนอื่น ๆ และต้องตัดผมสั้นตามระเบียบของทางเรือนจำด้วย แต่ทั้งนี้ ตนได้กำชับกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ให้ดูแล ฮาเวิร์ด หวัง ในเรื่องของสภาพจิตใจอย่างใกล้ชิด เพราะเกรงว่าจะเกิดความเครียดจนอาจคิดสั้นฆ่าตัวตาย
