รับลูกมติ UN ไทยคว่ำบาตร เกาหลีเหนือ (ไทยโพสต์)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
รัฐบาลไทยรับลูกยูเอ็นคว่ำบาตรโสมแดง! ขณะที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้สิ้นสุดการซ้อมรบท่ามกลางความตึงเครียดในคาบสมุทร ด้านเกาหลีเหนือยังเมินข้อเสนอเจรจานิคมอุตสาหกรรมแคซอง คนงานโสมขาวเดินทางออกมาเกือบหมดแล้ว
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคาร (30 เมษายน) ได้มีการพิจารณาเรื่องข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดย ครม.มีมติ
1.เห็นชอบต่อการดำเนินการตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nation Security Council : UNSC) ที่ /2094 (ค.ศ.2013) เกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ รวมทั้งรายชื่อบุคคลที่ถูกห้ามการเดินทางและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม รายชื่อคณะบุคคลที่ถูกอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม รายการสิ่งของวัสดุ เครื่องมือ สินค้า และเทคโนโลยี และรายการสินค้าฟุ่มเฟือย
2.มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทย ปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว และปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปตามรายชื่อล่าสุด
ด้านการซ้อมรบ "โฟลอีเกิล" ระยะเวลา 2 เดือนระหว่างสหรัฐอเมริกากับเกาหลีใต้ ซึ่งมีทหารเข้าร่วมหลายหมื่นนาย เพื่อฝึกซ้อมภาคสนามทั้งทางอากาศ พื้นดิน และทะเล ได้สิ้นสุดลงท่ามกลางความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในคาบสมุทรเกาหลี
โฆษกประจำกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ คิม มินซ็อก เผยว่า "การซ้อมรบครั้งนี้จบลงแล้ว แต่ทหารเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ จะยังคงจับตามองการยั่วยุที่อาจเกิดขึ้นจากเกาหลีเหนือต่อไป รวมถึงการยิงจรวดมิสไซล์" และเสริมว่าเกาหลีเหนือยังคงวางมิสไซล์และฐานปล่อยจำนวนหนึ่งไว้ที่ชายฝั่งตะวันออก ซึ่งถูกเคลื่อนย้ายมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยิง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชาวเกาหลีใต้เกือบทั้งหมดได้เดินทางออกจากนิคมอุตสาหกรรมแคซองแล้วในช่วงเช้า แต่ยังคงมีผู้กำกับดูแลอีก 7 คนที่อยู่ต่อเพื่อแก้ปัญหาด้านการบริหาร และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าพวกเขาจะเดินทางกลับประเทศเมื่อไร
เกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนือไม่ยอมตอบสนองคำร้องขอจากนักธุรกิจเกาหลีใต้ในการเดินทางไปยังเขตแคซอง เพื่อเจรจาหลีกเลี่ยงการต้องปิดตัวนิคมลงอย่างถาวร แม้จะมีความหวังว่าความตึงเครียดอาจผ่อนคลายลงบ้าง หลังการซ้อมรบซึ่งทำให้เกาหลีเหนือไม่พอใจอย่างมากสิ้นสุดลง
แพก ฮักซุน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือจากสถาบันวิจัยเซจง ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโซล กล่าวว่า "เมื่อการฝึกซ้อมรบสิ้นสุดลง อย่างน้อยเราก็สามารถลดความกังวลเกี่ยวกับการปะทะอย่างไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจลุกลามกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบลงได้บ้าง"
นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่า การประชุมที่กรุงวอชิงตัน ระหว่างประธานาธิบดีบารัค โอบามา และประธานาธิบดีปัก กึนฮเย ในวันที่ 7 พฤษภาคม อาจมีความสำคัญอย่างมากในการกำหนดลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีทั้งสอง โดยระบุว่า "หากเกาหลีเหนือเห็นว่าผลของการประชุมดังกล่าวไม่เป็นที่น่าพอใจหรือยอมรับไม่ได้ นั่นหมายความว่า เราอาจต้องใช้ชีวิตอยู่ในความหวาดกลัวอย่างต่อเนื่องว่าจะมีการยั่วยุทางทหารเกิดขึ้นใกล้กับชายแดนอีก"
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
