เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
อีสานโพล เผยผลการสำรวจ คะแนนรัฐบาลยิ่งลักษณ์เริ่มลด โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่ราคาสินค้าและค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น ขณะที่ฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์เริ่มกระเตื้อง แต่เลือกตั้งครั้งหน้ายังเลือกเพื่อไทย
วันนี้ (2 พฤษภาคม) อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่อง "เสียงสะท้อนชาวอีสานกับผลงานรัฐบาลยิ่งลักษณ์" ประจำเดือนมีนาคม-เมษายน 2556 โดยผลการประเมินพบว่าผ่านในทุกด้าน แต่ในหลายด้านคะแนนลดลง ขณะที่คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์เริ่มดีขึ้นบ้างในภาคอีสาน
ทั้งนี้ ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล เปิดเผยว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานต่อการทำงานของ รัฐบาลใน 6 ด้าน เพื่อเป็นเสียงสะท้อนให้รัฐบาลได้นำผลการประเมินและข้อเสนอแนะไปปรับปรุง มาตรการและนโยบายการทำงานได้อย่างเหมาะสม โดยการสำรวจจะมีขึ้นทุก ๆ 2 เดือน โดยครั้งนี้เป็นการสำรวจครั้งที่ 9 ตั้งแต่รัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์เข้ารับตำแหน่ง
โดยได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 27-29 เมษายน 2556 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,201 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา, ขอนแก่น, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์, หนองคาย, ชัยภูมิ, เลย, อุบลราชธานี, อุดรธานี, นครพนม, หนองบัวลำภู, สุรินทร์, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, สกลนคร, มุกดาหาร, ยโสธร, อำนาจเจริญ และบึงกาฬ
ทั้งนี้ ผลสำรวจการประเมินผลงานของรัฐบาลใน 6 ด้าน พบว่า...
ด้านภาพรวมการทำงานของรัฐบาล ประเมินให้ผ่าน ร้อยละ 76.2 ไม่ผ่าน ร้อยละ 23.8 ด้านการเมืองและประชาธิปไตย ประเมินให้ผ่าน ร้อยละ 71.9 ไม่ผ่าน ร้อยละ 28.1 ด้านเศรษฐกิจและความอยู่ดีกินดี ประเมินให้ผ่าน ร้อยละ 55.5 ไม่ผ่านร้อยละ 44.5 ด้านสังคม อาชญากรรม และยาเสพติด ประเมินให้ผ่าน ร้อยละ 54.2 ไม่ผ่าน ร้อยละ 45.8 ด้านสิ่งแวดล้อม มลภาวะ และภัยธรรมชาติ ประเมินให้ผ่าน ร้อยละ 68.0 ไม่ผ่าน ร้อยละ 32.0 ด้านการต่างประเทศ ประเมินให้ผ่าน ร้อยละ 78.2 ไม่ผ่าน ร้อยละ 21.8 เมื่อพิจารณาผลสำรวจรอบนี้เทียบกับการสำรวจช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2556 จะพบว่า ผลประเมินให้ผ่านลดลงในทุก ๆ ด้าน มีเพียงด้านสิ่งแวดล้อม มลภาวะ และภัยธรรมชาติ ที่ดีขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากปัญหาน้ำประปาในเขตเมืองไม่ได้เลวร้ายมากตามที่เคยกังวล ขณะที่ด้านเศรษฐกิจลดลง เนื่องจากในการสำรวจครั้งที่แล้วแรงงานได้รับประโยชน์จากค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นเป็น 300 บาท แต่ในครั้งนี้ประชาชนอาจได้รับผลข้างเคียงจากการขึ้นค่าแรงดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพที่แพงขึ้นและสวัสดิการที่ได้น้อยลง ส่วนด้านสังคม อาชญากรรม และยาเสพติด ก็มีคะแนนลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่ามาจากปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคดียาเสพติดที่ปรากฏในข่าวมากขึ้น
เมื่อถามความคิดเห็นว่า หากมีการเลือกตั้ง ครั้งใหม่คนอีสานจะเลือกพรรคการเมืองใด ผลปรากฏดังนี้
กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 54.7 จะเลือกพรรคเพื่อไทย (จากเดิมร้อยละ 55.4) กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 15.7 จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ (เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและสูงสุดตั้งแต่ทำการสำรวจมา ครั้งที่แล้วได้ร้อยละ 12.0) กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 22.2 ยังไม่ตัดสินใจจะเลือกพรรคใดในขณะนี้ (ครั้งที่แล้วร้อยละ 27.7) กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 6.8 ตอบว่าจะไม่เลือกพรรคใด กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 0.7 จะเลือกพรรคอื่น ๆอย่างไรก็ตาม ประเด็นปัญหาที่คนอีสานเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขมากที่สุด จากผลสำรวจพบว่ามี 3 ด้านหลัก ได้แก่
1. ร้อยละ 57.7 ด้านเศรษฐกิจและปากท้อง เช่น ปัญหาค่าครองชีพสูง, ปัญหาความยากจน และปัญหาหนี้สิน
2. ร้อยละ 18.22 ด้านปัญหาภัยแล้ง
3. ร้อยละ 16.82 ด้านปัญหาสังคม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ยาเสพติดและการพนัน
นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่น ๆ เช่น ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น การศึกษา สาธารณสุข และการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ดร.สุทิน สรุปว่า ผลการประเมินในครั้งนี้ แม้คะแนนของรัฐบาลจะถือว่าสอบผ่าน แต่ก็เป็นคะแนนที่ลดลงต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ที่แม้ว่าก่อนหน้านี้ประชาชนจะพึงพอใจกับนโยบายประชานิยมต่าง ๆ เช่น ค่าแรง 300 บาท และจำนำข้าว แต่ในการประเมินครั้งนี้กลับได้คะแนนลดลง คาดว่า เพราะนโยบายดังกล่าวทำให้ราคาสินค้าและค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตอีกอย่าง คือ คะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคอีสานเริ่มกระเตื้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าน่าจะมาจากการที่พรรคประชาธิปัตย์ลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานมากขึ้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
