เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
คลัง-แบงก์ชาติ-กนง.-ภาคเอกชน ร่วมถกเศรษฐกิจชื่นมื่น ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ปัด คลัง กดดันให้ลดดอกเบี้ย พร้อมดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนเกินไป ป้องกันกระทบการส่งออก
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2556 ได้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และหน่วยงานภาคเอกชน 3 แห่ง ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมร่วมเสร็จสิ้นลง นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องมาตรการดูแลเรื่องค่าเงินบาท หรือเรื่องการปรับดอกเบี้ยนโยบายเป็นการเฉพาะ แต่เป็นการหารือในวงกว้าง เช่น ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ประสิทธิภาพด้านการผลิต และขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่านี่เป็นปัญหาที่ต้องเผชิญ และเป็นความท้าทายในทุกภาคส่วน
นายประสาร ระบุว่า ที่ประชุมได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนอยู่ ดังนั้น ภาครัฐและเอกชนต้องเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐ และ ธปท. ดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้ผันผวนมากนั้น ซึ่ง ธปท. ก็จะร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนเตรียมความพร้อมเพื่อเผชิญกับความท้าทายดังกล่าว
ผู้ว่าฯ ธปท. ยังย้ำด้วยว่า การประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ทาง ธปท. ไม่ได้ถูกกดดันอะไร และการประชุมครั้งนี้ก็ไม่ได้สร้างแรงกดดันต่อการประชุม กนง. ในวันที่ 29 พฤษภาคม โดย ธปท. จะนำข้อมูลที่ได้รับไปประกอบการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจที่คาดว่าน่าจะประกาศตัวเลขได้ภายในวันที่ 20 พฤษภาคม เพื่อส่งให้คณะกรรมการ กนง.ไปประกอบการพิจารณา เพราะแม้ว่าค่าเงินบาทจะปรับอ่อนค่าลงบ้าง แต่ทุกฝ่ายไม่สามารถประมาทหรือวางใจได้
ขณะที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กล่าวเช่นกันว่า ในการประชุมวันนี้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน 4 เรื่องสำคัญ คือ 1. การใช้จ่ายภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ 2. การสร้างบรรยากาศการลงทุนให้เกิดการลงทุนใหม่หรือขยายการลงทุนเดิม 3. ทิศทางและกำลังซื้อของผู้บริโภค และ 4. สถานการณ์การส่งออกและการท่องเที่ยว
สำหรับเรื่องการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่านั้น รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นว่า ทุกภาคส่วนควรร่วมกันดูแลและทำงานร่วมกันให้เงินบาทเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพ ไม่มีความผันผวนเมื่อเทียบกับสกุลเงินของทั้งประเทศคู่ค้าและประเทศคู่แข่ง เพื่อจะได้ทำให้การส่งออกเติบโตอย่างมีเป้าหมาย ส่วนเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่นั้น ก็เป็นเพียงหนึ่งในนโยบายที่จะดูแลอัตราแลกเปลี่ยนได้ ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจไทยยังเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และต้องทำให้การส่งออกเติบโตได้ตามเป้าหมาย ดังนั้นจึงต้องมีอัตราแลกเปลี่ยนในระดับเหมาะสม ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นด้วยกับการประชุมในลักษณะนี้ และอยากให้จัดขึ้นอีก เพื่อนำข้อมูลที่มีประโยชน์มาใช้ดำเนินการจัดการแนวทางต่าง ๆ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
