เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ แม่ยูอะ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม, เฟซบุ๊ก vassana kobayashi
แม่ยูอะ pantip ล็อกอินชื่อดัง ตุ๋นเงินเหยื่อกว่า 10 ล้าน ล่าสุด แม่ยูอะ ชี้แจง ยอมรับผิดทุกอย่าง ไม่ขอความสงสาร เตรียมหาเงินคืนลูกค้า เผยที่ทำไปเพราะติดหนี้บัตรเครดิต
หลายคนที่ชอบเข้า "โต๊ะเครื่องแป้ง" เว็บไซต์พันทิปดอทคอม ก็คงรู้จักล็อกอินที่ชื่อว่า "แม่ยูอะ" เป็นอย่างดี ซึ่ง "แม่ยูอะ" นั้น มีชื่อจริงว่า วาสนา โคบายาชิ อายุ 29 ปี หรือชื่อเล่นว่า "กิ๊ฟท์" เป็นหญิงไทยที่แต่งงานอยู่กินกับหนุ่มญี่ปุ่น และปัจจุบันอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนชื่อเสียงที่โด่งดังนั้น เนื่องมาจากเธอตั้งกระทู้เกี่ยวกับความสวยความงาม การดูแลหุ่นหลังคลอด และการทำศัลยกรรม พร้อมทั้งเผยเคล็ดลับดี ๆ ให้กับสาว ๆ ชาวเน็ตได้อ่าน
นอกจากเธอจะเป็นกูรูในเรื่องการดูแลรูปร่างแล้ว "แม่ยูอะ" ยังขายของผ่านเฟซบุ๊กอีกด้วย โดยได้เปิดพรีออร์เดอร์ (ลูกค้าสั่งสินค้าและจ่ายเงินก่อนได้รับของ) เป็นสินค้าแบรนด์เนมสุดหรู ราคาตั้งแต่หลักพัน ไปถึงหลักแสน ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า นาฬิกา และเครื่องสำอาง แต่กลับนำเงินที่ลูกค้าโอนไปใช้จ่ายก่อน แล้วก็ใช้วิธีให้ลูกค้าอีกคนหนึ่งโอน เพื่อนำเงินไปใช้คืนให้กับลูกค้าก่อนหน้า ซึ่งเธอทำวิธีนี้ไปเรื่อย ๆ จนลูกค้าออกมาตั้งกระทู้ผ่านเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และได้รวมรวบผู้เสียหายกว่า 10 คนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยรวมยอดเงินของผู้เสียหายนับสิบล้านเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ผู้เสียหายต่างบอกเล่าวิธีกลโกงของแม่ยูอะ โดยระบุว่า สั่งของทางเฟซบุ๊ก และทางไลน์ พรีออร์เดอร์รอสินค้าประมาณ 2-3 อาทิตย์ แต่บางรายนั้น 5 เดือนแล้วยังไม่ได้ของ แล้วพอทวงของไปยังเจ้าตัว ก็กลับตอบกลับด้วยข้อความเชิงรำคาญ บางรายแม่ยูอะก็สารภาพว่าไม่มีเงินคืนในตอนนี้ และกำลังหมุนเงินจากลูกค้าอื่นมาใช้หนี้ให้ เป็นต้น ส่วนสาเหตุที่ลูกค้าไว้เนื้อเชื่อใจ โอนเงินหลักหมื่นหลักแสนให้ ล็อกอิน "แม่ยูอะ" นั้น ก็เพราะว่า เธอค่อนข้างมีชื่อเสียงในเว็บไซต์ ถือว่าเป็นคนดังในหมู่สาว ๆ ห้องโต๊ะเครื่องแป้ง และเคยเห็นหน้าค่าตาชัดเจนผ่านรูปมาก่อนไม่น่าจะมาโกงกัน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา แม่ยูอะ ก็ได้โพสต์ข้อความในกระทู้ที่มีชื่อว่า "คำชี้แจงของแม่ยูอะ" ลงในเว็บไซต์ ดังนี้
แต่ถึงกระนั้น ผู้เสียหายก็ยังไม่พอใจ พร้อมกับรวมตัวกันไปยังตึกมาลีนนท์ เพื่อไปแสดงตัว และจะให้ทนายจัดการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และออกสื่อสาธารณะเพื่อให้เดินเรื่องอย่างเร็วที่สุด อย่างไรก็ดี ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณา พร้อมประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ติดตามตัวมาสอบปากคำตามขั้นตอนต่อไป
งานนี้วงเงินนับสิบล้าน ไม่รู้ว่าทางการญี่ปุ่นทราบเรื่องแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะกฎหมายญี่ปุ่นนั้นเข้มงวดเรื่องการฉ้อโกงเป็นอย่างมาก
