เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หมอวรงค์ เปิดแผลทุจริตจำนำข้าว พบรัฐขายข้าวถูกให้โรงสีของเสี่ยเปี๊ยก คนของเสี่ยเปี๋ยง ฟันกำไรตันละ 6,300 บาท แฉ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขาฯ บุญทรง เป็นจอมบงการในกระทรวงพาณิชย์ ใหญ่กว่า รมช.
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 วาระ 1 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2556 บรรยากาศในช่วงหัวค่ำเป็นไปอย่างเข้มข้นและดุเดือด เมื่อ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นอภิปรายท้วงติงการตั้งงบประมาณในโครงการจำนำข้าวที่พบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นอย่างมหาศาล
โดย นพ.วรงค์ อภิปรายว่า ได้ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2554 องค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็น รมว.พาณิชย์ ในขณะนั้น ได้จำหน่ายข้าว 800 ตัน ให้โรงสีโชควรลักษณ์ จ.ลพบุรี ที่มี "เสี่ยเปี๊ยก" เป็นเจ้าของ ในตันละ 5,700 บาท จากนั้นในวันที่ 22 ธันวาคม 2554 โรงสีดังกล่าวได้นำข้าวไปขายต่อให้กับโรงสีที่ จ.กำแพงเพชร ในราคา 12,000 บาทต่อตัน โดยใช้แฟกซ์โอนใบมอบอำนาจแค่ใบเดียว ซึ่งการขายข้าวครั้งนี้โรงสีโชควรลักษณ์ได้กำไรส่วนต่างไปถึง 6,300 บาทต่อตัน จึงขอถามนายกิตติรัตน์ว่า ปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะโรงสีได้กำไรมากกว่าเงินที่รัฐบาลได้ จึงคิดได้ 2 ทางคือ 1. ฉลาดน้อย และ 2. สมรู้ร่วมคิดกัน ซึ่งเชื่อว่าคนระดับนายกิตติรัตน์ไม่ได้ฉลาดน้อยแน่นอน
นพ.วรงค์ ได้ถามต่อว่า เหตุใดรัฐบาลจึงขายข้าวให้โรงสีโชควรลักษณ์ และโชควรลักษณ์เป็นใคร ทำไมถึงขายให้ถูก ซึ่งตนได้สมมติฐานว่าเสี่ยเปี๊ยกนั้นมีความสัมพันธ์กับ "เสี่ยเปี๋ยง" บุคคลที่ "นายใหญ่" พูดในต่างประเทศว่า หากใครต้องการซื้อข้าวจากประเทศไทยขอให้ติดต่อผ่านเสี่ยเปี๋ยง เนื่องจากโรงสีข้าวเพรสซิเด้นท์ของเสี่ยเปี๋ยงที่ จ.พิษณุโลก เคยถูกฟ้องล้มละลายและถูกยึดไปแล้ว ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นเคทีบี ซึ่งคือหนึ่งในโกดังที่เข้าร่วมโครงกับรัฐบาล โดยมีไซโลสำหรับการจัดเก็บข้าวได้ถึง 288,000 ตัน จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลขายข้าวราคาถูกให้โรงสี แล้วโรงสีไปขายข้าวต่อในราคาแพง น่าสงสัยที่ทำไมกระทรวงพาณิชย์ต้องมีการทุจริตทุกยุค ตั้งแต่ นายกิตติรัตน์ จนถึงนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ คนล่าสุด ทำให้เห็นได้ว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างคนในที่เป็นจอมบงการกับคนนอกที่มีอิทธิพลในวงการการค้าข้าวร่วมกันทุจริต
"บุคคลที่ดำเนินการเช่นนี้ได้ต้องเป็นบุคคลที่อยู่ในกระทรวงพาณิชย์เอง และจะต้องมีชื่ออยู่ในคณะกรรมการที่เกี่ยวกับการระบายข้าวแทบทุกชุดของรัฐบาล ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคือ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการ รมว.พาณิชย์ อดีตเลขานุการนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ซึ่งมีตำแหน่งอยู่ในคณะกรรมการที่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวมาโดยตลอด ผิดกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ซึ่งไม่มีตำแหน่งในคณะกรรมการอะไรเลย มีหน้าที่เพียงเข้ามาชี้แจงในสภาเท่านั้น"
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลยังพบว่า มีรถยนต์โฟล์คสวาเกน สีดำ ทะเบียน ฮธ 20 กทม. จอดอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์อยู่ตลอด ทราบชื่อเจ้าของรถคือ นางสาวชุฏิมา วัชระพุกกะ แต่เมื่อตรวจสอบประวัติภรรยาของ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ก็พบว่ามีการหย่าร้าง และภรรยาเปลี่ยนนามสกุลจาก "นางชุฏิมา วัจนะพุกกะ" เป็น "นางสาวชุฏิมา วัชระพุกกะ" แสดงให้เห็นถึงการอำพรางว่าเป็นคนละคน เพราะเมื่อตรวจสอบที่อยู่ของทั้ง 2 ชื่อ พบว่ามีที่อยู่เดียวกัน และจากการตรวจสอบยังพบอีกว่ารถยนต์โฟล์คของ นางสาวชุฏิกา ก็เป็นของสยามอินดิก้าเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ นพ.วรงค์ อภิปรายอยู่นั้น ก็ได้มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์, นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.นครสวรรค์, นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะ เพราะเห็นว่า นพ.วรงค์ อภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอก ไม่ได้อยู่ในประเด็นของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ทำให้ทาง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม, นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. ลุกขึ้นประท้วงเพื่อขอให้ นพ.วรงค์ อภิปรายต่อเช่นกัน จนเกิดการโต้เถียงขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง และ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นประธานการประชุมอยู่ในขณะนั้นไม่สามารถควบคุมการประชุมได้ จึงสั่งพักการประชุม 10 นาที ในเวลา 19.10 น.
จากนั้น นพ.วรงค์ ได้มาแถลงข่าวว่า ข้อมูลที่ได้อภิปรายในวันนี้ ตนจะรวบรวมเป็นเอกสารและจะปรึกษาทนายความของพรรคว่าจะสามารถดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้หรือไม่ อย่างไร โดยจะยื่นให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในเร็ว ๆ นี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
