x close

เปิดใจคุณแม่น้องนนท์ ผู้สูญเสียลูกชายจากการถูกรุ่นพี่ทำร้าย


น้องนนท์ ถูกรุ่นพี่ทำร้ายเสียชีวิต เปิดใจคุณแม่ ใน เจาะข่าวเด่น


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเจาะข่าวเด่น โพสต์โดย คุณ เรื่องเล่า เช้านี้ สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            เป็นอีกหนึ่งข่าวน่าสลดใจที่เกิดขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา จากกรณีที่ ด.ช.อนุภัทธ์ สามทอง หรือ น้องนนท์ วัย 5 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 1 ของโรงเรียนวัดวังกุ่ม อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ถูกรุ่นพี่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนหัก และร่างกายบอบช้ำภายใน ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2556 แต่ผ่านไป 2 เดือนอาการก็ยังไม่ดีขึ้นจนกระทั่งติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2556 แม้ทางผู้อำนวยการโรงเรียนจะออกมาชี้แจงภายหลังว่า น้องนนท์ ไม่ได้ถูกรุ่นพี่รุมทำร้ายอย่างที่เป็นข่าว แต่เป็นเพียงการที่เด็ก ๆ หยอกล้อเล่นกันตามประสาเพื่อนเท่านั้น

            ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแท้จริงแล้วจะเป็นอย่างไร หรือใครคือผู้ต้องรับผิดชอบ แต่ผู้ที่เสียใจที่สุดกับเรื่องนี้คงหนีไม่พ้น นางสาวกรผกา เฟื่องฟู แม่ของน้องนนท์ ที่ต้องสูญเสียลูกชาย รายการเจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3 เมื่อเย็นวันที่ 30 พฤษภาคม 2556 จึงได้เชิญคุณแม่มาเปิดใจถึงเรื่องนี้

            โดยคุณแม่เริ่มเล่าว่า ช่วงสุดท้ายก่อนที่น้องนนท์จะเสียชีวิต น้องรู้สึกตัวดี ฟังรู้เรื่อง แต่มีอาการเหนื่อยมาก ปวดมาก อาการทรุดลงมาเรื่อย ๆ ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แพทย์จึงตัดสินใจจะผ่าตัดให้น้อง แม้จะรู้ว่ามีความเสี่ยง เพราะน้องยังเล็กอยู่ แต่หากปล่อยไว้ก็จะยิ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะเชื้อเข้าสู่หัวใจแล้ว ดังนั้น การผ่าตัดจึงเป็นวิธีสุดท้ายที่แพทย์จะช่วยเหลือได้

            เมื่อได้ฟังจากคุณหมอ คุณแม่ก็ยอมให้ลูกเข้าผ่าตัดด่วน เพราะรู้ดีว่าหากไม่รีบผ่าตัด ลูกก็เสี่ยงเช่นกัน โดยก่อนจะผ่าตัด ตนได้เข้าไปพูดกับลูก ลูกก็ส่ายหัวไม่อยากผ่าตัด เพราะกลัว ตนจึงพูดปลอบลูกให้เข้มแข็ง บอกลูกไปว่าถ้าผ่าตัดเสร็จแล้วจะได้หาย จะได้อยู่กับแม่ ขอให้อดทนไว้ ลูกจึงพยักหน้าตอบรับเรา

น้องนนท์ ถูกรุ่นพี่ทำร้ายเสียชีวิต เปิดใจคุณแม่ ใน เจาะข่าวเด่น

            คุณแม่เล่าต่อว่า หลังจากหมอผ่าตัดให้เสร็จแล้ว หมอก็บอกให้ทราบว่า หัวใจของน้องเต้นช้าลง ความดันลดลง ไม่ค่อยดีเท่าไร ตอนนี้ได้ให้ยากระตุ้นหัวใจไว้ก่อน แต่สักพักหนึ่ง คุณหมอก็เรียกให้ตนเข้าไปดูอาการน้อง อีกไม่นานนัก หัวใจของน้องก็หยุดเต้น ก่อนที่น้องจะจากไป

            "ตอนนั้นแม่พูดกับน้องว่า ขอให้น้องไปดี ไม่ต้องห่วงอะไร ยังรักอยู่เสมอ" คำพูดสุดท้ายที่คุณแม่บอกกับลูกชายคนเดียวก่อนจะสิ้นลมหายใจ

            ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม หลังจาก น้องนนท์ ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บและต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล คุณแม่ได้ถามน้องนนท์ว่าในวันนั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ซึ่งน้องนนท์ได้เล่าว่า มีรุ่นพี่ ม.1 มาล็อกคอ จับแขนน้องไขว้ไปด้านหลัง และให้รุ่นพี่ ป.1 ต่อยเข้าที่แขนข้างซ้ายอยู่หลายที ทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องกันมาก่อน แต่อยู่ดี ๆ พี่เขาก็มาทำน้อง

            อย่างไรก็ตาม หลังจากน้องถูกต่อยได้รับบาดเจ็บ ช่วงแรก ๆ ก็ไม่มีใครรู้ รู้แค่ว่าน้องเจ็บที่ไหล่ซ้าย ก็คิดว่าเล่นต่อยกับเพื่อน ๆ มา กระทั่งผ่านไป 2-3 วัน อาการน้องก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว เป็นไข้ ไม่รู้สึกตัว จนต้องเข้าห้อง ICU ที่โรงพยาบาลในจังหวัดสุพรรณบุรี และหมอก็ตรวจพบว่า น้องมีอาการติดเชื้อที่เนื้อเยื่อหัวไหล่ข้างซ้าย หลังจากถูกต่อยแล้วอักเสบ ซึ่งเชื้อนี้ก็ลุกลามเข้าไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ จนเข้าสู่หัวใจในที่สุด

            คุณแม่เล่าว่า หลังจากน้องเข้าโรงพยาบาล ทางญาติ ๆ ก็ช่วยกันติดต่อไปยังมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะทางบ้านไม่มีเงินรักษา ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาก็ช่วยติดต่อส่งตัวน้องมารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และหลังจากเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ น้องก็เริ่มมีอาการดีขึ้น พูดคุยได้ ให้การตำรวจได้ จากตอนแรกที่ไม่รู้สึกตัวเลย

            เมื่อถามถึงคู่กรณีของเรื่องนี้ ซึ่งก็คือผู้ปกครองของเด็กที่ก่อเหตุว่าได้มาพูดคุยอะไรกับคุณแม่บ้าง คุณแม่ก็บอกว่า ยังไม่เคยได้รับการติดต่อมาเลยตั้งแต่วันที่น้องนนท์เข้าโรงพยาบาล จะมีก็ครั้งเดียวที่ผู้ปกครองพาลูกมาหาน้องที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ตามที่เป็นข่าวแค่นั้น และครั้งนั้นที่มาก็ยังไม่ได้มาคุยอะไรกับตนเลย

น้องนนท์ ถูกรุ่นพี่ทำร้ายเสียชีวิต เปิดใจคุณแม่ ใน เจาะข่าวเด่น

            "วันนั้นไม่ได้คุยอะไรกันสักคำ ไม่มีมาปลอบใจ หรือมาพูดว่าลูกไม่ได้ตั้งใจ ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ได้คุยอะไรเลย บอกแค่เพียงว่าทางมูลนิธิที่สุพรรณบุรีแจ้งให้มาดูก็เลยมาเท่านั้น แต่หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้น้องเสียชีวิตก็ไม่เคยมาคุยอะไรกันเลย" และคุณแม่ยังบอกอีกว่า ส่วนทางโรงเรียนก็ไม่ได้ติดต่อมาที่ตน แต่ได้คุยอยู่กับทางที่บ้านที่สุพรรณบุรี และทางผู้อำนวยการโรงเรียนก็มาเยี่ยมน้องที่โรงพยาบาลจุฬาฯ บ้าง แต่ก็ไม่ได้เจอกัน

            คุณแม่บอกทั้งน้ำตาว่า น้องนนท์เป็นเด็กพูดเก่ง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ใคร ๆ ก็รัก ไม่ได้เป็นเด็กเกเรเลย แต่ก็ชอบเล่นตามประสาเด็ก ๆ เรื่องชกต่อยก็มีอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเสียลูกไปเร็วอย่างนี้ แม้แต่ตอนที่น้องเจ็บอยู่ในโรงพยาบาลก็ไม่เคยคิดว่าน้องจะต้องมาจากไป คิดว่าน้องจะต้องหาย แม้จะรู้ว่าถึงน้องหายก็จะไม่เหมือนเดิม เพราะลิ้นหัวใจน้องถูกเชื้อทำลายไป แต่ตนเองก็ยังทำใจได้ และจะดูแลน้องต่อไป แต่ไม่เคยคิดแม้แต่ครั้งเดียวว่าน้องจะจากไป

            ทั้งนี้ คุณแม่อยากให้แต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ช่วยกันปรับปรุงดูแลเรื่องต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย อย่างเช่นทางโรงเรียนก็ต้องดูแลนักเรียนในช่วงพักกลางวันให้มากขึ้น ส่วนผู้ปกครองของเด็กคู่กรณีก็อยากให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบบ้าง ออกมาขอโทษ ยอมรับผิด อย่างไรเสียตนเองก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว เพราะยังไงน้องก็กลับมาไม่ได้อยู่แล้ว

            คุณแม่เล่าด้วยว่าเคยถามน้องนนท์ว่ารู้สึกกลัวรุ่นพี่ไหม แต่น้องนนท์ไม่ได้ตอบ บอกเพียงว่า ถ้าน้องหายแล้วจะกลับไปเรียนอีก แต่แม่ต้องพาตำรวจไปจับรุ่นพี่ 2 คนนั้นก่อนถึงจะกลับไปเรียน ก็แสดงว่าน้องยังกลัวอยู่ แม่ก็ตอบไปว่า รุ่นพี่ออกจากโรงเรียนไปแล้ว เพราะเขาเรียนจบแล้ว ไม่ได้อยู่ในโรงเรียนนี้แล้ว เดี๋ยวพอนนท์หายแล้วค่อยกลับไปเรียน แต่เมื่อน้องจากไปแล้วก็อยากบอกน้องว่า แม่รักน้องที่สุด น้องเป็นเด็กที่อดทนมาก

            ขณะที่ในส่วนเรื่องของคดีความนั้น ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาแก่นักเรียนชั้น ม.1 อายุ 11 ขวบ และนักเรียนชั้น ป.1 อายุ 7 ขวบ พร้อมกับจะพิจารณาสอบสวนในส่วนของครูและโรงเรียนว่ามีการละเลยหน้าที่หรือไม่ จนทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

 




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดใจคุณแม่น้องนนท์ ผู้สูญเสียลูกชายจากการถูกรุ่นพี่ทำร้าย โพสต์เมื่อ 31 พฤษภาคม 2556 เวลา 11:24:59 7,127 อ่าน
TOP