ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เจ้าอาวาสวัดปากน้ำส่งผู้ดูแลรถเบนซ์เข้าชี้แจงข้อมูลรถกับดีเอสไอ เผยรถคันดังกล่าวเคยเป็นซาก รถอายุ 80 ปีที่ลูกศิษย์นำมาไปซ่อมใหม่ ยันเสียภาษีตามกฎหมายแล้ว ส่วน ธาริต อธิบดี ดีเอสไอ เชื่อพระคุณเจ้าไม่รู้เห็น เพราะลูกศิษย์จัดหารถมาถวาย
โดยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2556 ความคืบหน้ากรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ระบุบัญชีรายชื่อผู้ครอบครองรถยนต์หรูที่เข้าข่ายต้องสงสัยว่าเป็นรถจดประกอบหลบเลี่ยงภาษีกว่า 5,832 คัน นอกจาก นั้นพบว่า มีรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ญาติโยมจัดซื้อถวายติดโผรายชื่อรถประกอบต้องสงสัยหนีภาษีด้วยนั้น
โดยนายวิชาญ รัษฐปานะ ผู้ดูแลรถยนต์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง สุดประเสริฐ) คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. เป็นตัวแทนออกมาชี้แจงว่า ตนยอมรับว่ารถเบนซ์ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร เป็นรถจดประกอบจริง ต้องขอชี้แจงว่าไม่ใช่รถที่นำเข้าจากต่างประเทศ แต่เป็นซากรถเก่าอายุราว 80 ปี ที่ลูกศิษย์นำไปซ่อมปะผุ จัดซื้ออะไหล่มาประกอบขึ้นใหม่ และได้ถ่ายภาพและเก็บข้อมูลระหว่างขั้นตอนการซ่อมและประกอบไว้ทั้งหมด อีกทั้งเสียภาษีและนำไปจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมชี้แจงข้อมูลรถคันดังกล่าวหากดีเอสไอต้องการตรวจสอบ
ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวว่า เชื่อว่าพระคุณเจ้าไม่มีส่วนรู้เห็นอย่างแน่นอน เพราะลูกศิษย์คงเป็นผู้จัดหามาถวาย กรณีมีผู้นำรถไปถวายพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ไปปรากฏในบัญชีรายชื่อรถต้องสงสัย จึงได้เรียกผู้ครอบครองหรือคนดูแลรถคันดังกล่าวมาชี้แจงเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า มีการเสียภาษีรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) จดทะเบียนตามขั้นตอนของกฎหมาย
ทั้งนี้ นายธาริต ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมอีกว่า ชาวพุทธเวลาจะทำบุญหรือถวายของพระสงฆ์ ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดตามความเชื่อ แต่ตนไม่เข้าใจว่า ทำไมเอาซากรถเก่ามาประกอบแล้วถวายท่าน หากเวลาท่านนำรถไปใช้อาจเกิดปัญหาภายหลัง อาจจะได้บาปมากกว่าได้บุญ
หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 16.18 น. วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
