เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Kittiratt Na-Ranong (กิตติรัตน์ ณ ระนอง)
กิตติรัตน์ คาดเศรษฐกิจไทยพร้อมรับมือแรงกระทบจากการหยุดมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ พร้อมกำชับ ธปท. ควบคุมค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2556 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ในปีหน้าว่า ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบแต่อาจจะไม่มากนัก เพราะไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และมีสภาพคล่องเงินบาทในประเทศ ซึ่งเพียงพอสำหรับรองรับการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างชาติ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาจำนวนเงินที่ไหลผ่านเข้ามาในไทยเป็นเงินเก็งกำไรและไม่ควรเข้ามาตั้งแต่ต้น ดังนั้น หากเงินจะไหลกลับก็ไม่เป็นไร
อย่างไรก็ตาม นายกิตติรัตน์ ได้กำชับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราไม่ให้เกิดความผันผวน จากเหตุการณ์ไหลเข้าออกของเงินทุนข้างต้น โดยใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และสภาพคล่องเงินบาท เป็นกลไกเพื่อประคับประคองควบคุมความเคลื่อนไหวของเงินบาท เพื่อให้มีอัตราการแลกเปลี่ยนที่มีเสถียรภาพ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าแทรกแซงตลาด และไม่จำเป็นต้องดำเนินการกองทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเช่นเดิม จากวิธีดังกล่าวจะช่วยทำให้เกิดความผันผวนของอัตราการแลกเปลี่ยนเงินระหว่างวันน้อยลงไปด้วย
ทั้งนี้ นายกิตติรัตน์ คาดการผลกระทบของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า หากเฟดตัดสินใจอย่างไร ประเทศไทยก็จะได้รับผลกระทบอยู่แล้ว เนื่องด้วยนักลงทุนต่างชาติเก็งกำไรกับข่าวดังกล่าว ตนจึงขอแนะนำว่าในช่วงนี้นักลงทุนควรลดความเสี่ยง ด้วยการไม่ใช้เงินกู้ในการลงทุน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Kittiratt Na-Ranong (กิตติรัตน์ ณ ระนอง)
กิตติรัตน์ คาดเศรษฐกิจไทยพร้อมรับมือแรงกระทบจากการหยุดมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ พร้อมกำชับ ธปท. ควบคุมค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2556 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ในปีหน้าว่า ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบแต่อาจจะไม่มากนัก เพราะไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และมีสภาพคล่องเงินบาทในประเทศ ซึ่งเพียงพอสำหรับรองรับการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างชาติ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาจำนวนเงินที่ไหลผ่านเข้ามาในไทยเป็นเงินเก็งกำไรและไม่ควรเข้ามาตั้งแต่ต้น ดังนั้น หากเงินจะไหลกลับก็ไม่เป็นไร
อย่างไรก็ตาม นายกิตติรัตน์ ได้กำชับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราไม่ให้เกิดความผันผวน จากเหตุการณ์ไหลเข้าออกของเงินทุนข้างต้น โดยใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และสภาพคล่องเงินบาท เป็นกลไกเพื่อประคับประคองควบคุมความเคลื่อนไหวของเงินบาท เพื่อให้มีอัตราการแลกเปลี่ยนที่มีเสถียรภาพ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าแทรกแซงตลาด และไม่จำเป็นต้องดำเนินการกองทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเช่นเดิม จากวิธีดังกล่าวจะช่วยทำให้เกิดความผันผวนของอัตราการแลกเปลี่ยนเงินระหว่างวันน้อยลงไปด้วย
ทั้งนี้ นายกิตติรัตน์ คาดการผลกระทบของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า หากเฟดตัดสินใจอย่างไร ประเทศไทยก็จะได้รับผลกระทบอยู่แล้ว เนื่องด้วยนักลงทุนต่างชาติเก็งกำไรกับข่าวดังกล่าว ตนจึงขอแนะนำว่าในช่วงนี้นักลงทุนควรลดความเสี่ยง ด้วยการไม่ใช้เงินกู้ในการลงทุน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
