x close

ร้องกองปราบฯ ตรวจสอบ หลวงปู่เณรคำ 13 ประเด็น


หลวงปู่เณรคํา ฉัตติโก
หลวงปู่เณรคำ






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก luangpunenkham.com, ไทยพีบีเอส

            หลวงปู่เณรคำ ถูกเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ทางเฟซบุ๊ก เข้าร้องกองปราบฯ ให้ตรวจสอบ หลวงปู่เณรคำ 13 ประเด็น เพื่อหาข้อเท็จจริงในประเด็นความประพฤติที่ขัดต่อศาสนาและขัดต่อกฎหมาย

            หลังจากตกเป็นประเด็นให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เมื่อมีภาพหลุด หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เดินทางด้วยการโดยสารเครื่องบินส่วนตัวและใช้ของแบรนด์เนมซึ่งขัดกับวินัยสงฆ์ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

            วันนี้ (21 มิถุนายน 2556) นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ทางเฟซบุ๊ก ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองปราบปราม เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ที่มีพฤติกรรมขัดต่อกฎหมายและขัดต่อพระธรรมวินัยหลายประเด็น

            โดย นายสงกรานต์ กล่าวว่า หลังจากที่ หลวงปู่เณรคำ หรือ พระวีรพล สุขผล มีความประพฤติไม่เหมาะสมซึ่งขัดต่อพระธรรมวินัยและมีผู้เกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าวด้วย ตนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงประเด็นต่าง ๆ จำนวน 13 ประเด็น คือ

           1. การบรรพชาเป็นพระภิกษุนั้นถูกต้องตามพระธรรมวินัยหรือไม่

           2. กรณีที่ปรากฏภาพชายคล้ายพระภิกษุ นอนหลับอยู่กับผู้หญิงนั้น เป็นภาพผู้ใดและมีการตัดต่อภาพหรือไม่

           3. สถานะทางการเงินของบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องของทรัพย์สินก่อนบวช กับทรัพย์สินในปัจจุบัน

           4. การรับบริจาคทรัพย์สินต่าง ๆ จากพุทธศาสนิกชน มีจำนวนเท่าใด มีผู้จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายหรือไม่ รวมทั้งมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปทั้งภายในและภายนอกประเทศหรือไม่

           5. สถานที่ตั้ง วัดป่าขันติธรรม อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ มีเนื้อที่เท่าใด และใครเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์

           6. การจัดสร้างองค์พระแก้วมรกตจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้รับอนุญาตให้จัดทำถูกต้องหรือไม่ มีการประเมินราคาก่อสร้างหรือไม่ เนื่องจากมีการเปิดรับบริจาคโดยไม่ได้กำหนดยอดเงินและวันเวลาการสร้างให้เสร็จสิ้น

           7. รถนำขบวนที่นำมาใช้ เป็นรถตำรวจหรือไม่

           8. ขอให้ตรวจสอบบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของวัดป่าขันติธรรม

           9. ขอให้ตรวจสอบบัญชีธนาคารทุกแห่งที่มีเงินหมุนเวียน ว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องและมีการยักย้ายถ่ายเทไปยังบุคคลที่สามหรือไม่

           10. กรณีการอ้างว่าอิทธิฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้ ระลึกชาติได้ รวมทั้งมีการคุยกับเทพยดา มีการกระทำต่าง ๆ ดังกล่าวหรือไม่

           11. ขอให้สอบสวนหญิงสาวที่ปรากฏในภาพว่าเกี่ยวพันหรือมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับภาพชายคล้ายพระภิกษุนอนอยู่

           12. ขอให้ตรวจสอบบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นลูกศิษย์และได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่สมาคมวิชาชีพผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย จ.สมุทรปราการ นั้นเป็นกรรมการ บริษัท ขันติธรรมก้าวหน้า จำกัด หรือไม่

           13. ขอให้ตรวจสอบว่า พระภิกษุกับกรรมการบริษัท ขันติธรรมฯ และบริวาร เกี่ยวพันกันในเรื่องผลประโยชน์ต่าง ๆ หรือไม่

            ทั้งนี้หากการตรวจสอบแล้วพบความผิด ก็จะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และดำเนินการในความผิดตามกฎหมายต่อไป

            ทางด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล ได้มีการรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้ และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริง และยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมทั้งจะแจ้งผลให้ทราบอีกครั้งตามขั้นตอน


แม่ลอน มนัส
แม่ลอน มนัส


 เจ้าของที่ดินแฉ หลวงปู่เณรคำ เบี้ยวสร้างวัด-ไม่เคยจำพรรษา

            หลวงปู่เณรคำ เบี้ยวสร้างวัด เจ้าของที่ดิน 15 ไร่ แฉให้ที่ไปเป็น 10 ปี แต่ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ บอกไม่เคยมาจำพรรษาที่วัด แต่กลับมาเฉพาะมีงานวัด อ้างมีกิจนิมนต์เยอะ

            วันนี้ (21 มิถุนายน 2556) คุณแม่ลอน มนัส เจ้าของที่ดิน 15 ไร่ ที่มอบให้กับ "หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก" เพื่อดำเนินการสร้างวัดป่าขันติธรรม ที่บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะในตอนแรกที่ตนมอบที่ดินให้ ก็เพราะต้องการให้จัดสร้างวัดป่าขันติธรรมอย่างสมบูรณ์แบบ โดยหลวงปู่เณรคำเองก็ตกลงที่จะดำเนินการตามที่ตนต้องการ

            แต่แล้วเวลาผ่านมาร่วม 10 ปี ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะสร้างวัดแต่อย่างใด มีเพียงแค่การยื่นเรื่องเสนอกับทางกรมการศาสนา เพื่อขอสร้างวัด, ขอใบอนุญาตสร้างวัด จนกระทั่งใบอนุญาตสร้างวัดหมดอายุตามกำหนดเวลา 5 ปี ก็ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ และเมื่อทวงถามไปยังหลวงปู่เณรคำ ก็ได้คำตอบมาว่า จะไม่สร้างวัด แต่จะสร้างเป็นวิหารหลวง เนื่องจากถ้าสร้างวัดขึ้นมาก็จะต้องมีการตรวจสอบรายได้เงินบริจาคต่าง ๆ จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

            ส่วนสาเหตุที่คุณแม่ลอนอยากสร้างวัดนั้น เป็นเพราะก่อนหน้านี้ หลวงปู่เณรคำถูกชาวบ้านขับไล่ให้ออกไปจากป่าช้าของชาวบ้าน ทำให้หลวงปู่เณรคำไม่มีที่อยู่ ตนจึงมอบที่ดินของตน 15 ไร่ ให้สร้างวัด และตนก็ต้องการทำบุญโดยการสร้างวัดที่สมบูรณ์แบบ เพราะตนก็มีอายุมากแล้ว 68 ปี แต่หลวงปู่เณรคำไม่ยอมทำตามสัญญา ตนจึงจะดำเนินการสร้างวัดเองตามเป้าหมาย

            คุณแม่ลอนยังเผยอีกว่า พฤติกรรมของหลวงปู่เณรคำ เริ่มเปลี่ยนไปประมาณ 2-3 ปีให้หลัง ต่างกับพฤติกรรมก่อนหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง โดยหลวงปู่เณรคำไม่ยอมจำพรรษาที่วัด แต่จะกลับมาเฉพาะช่วงที่มีการจัดงานวัดเท่านั้น ซึ่งหลังจากเสร็จงานหลวงปู่เณรคำก็นำเงินบริจาคไปด้วย และอ้างว่าไปทำกิจนิมนต์ต่อ โดยตนก็ไม่ทราบว่าเป็นกิจนิมนต์ที่ใดบ้าง

            สำหรับข่าวฉาวเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำนั้น ทำให้ชาวบ้านที่ต่อต้านหลวงปู่เณรคำเกิดการต่อต้านมากขึ้นกว่าเดิม และชาวบ้านต่างก็มาสมน้ำหน้าตนกับพวกที่มอบที่ดินให้กับหลวงปู่เณรคำ แต่กลับไม่ได้วัดตามที่ตั้งใจไว้

            อย่างไรก็ตาม คุณแม่ลอน กล่าวทิ้งท้ายว่า ต่อจากนี้ตนก็จะเอาที่ดินที่ตั้งสำนักสงฆ์ขันติธรรมคืนมา เพื่อไปขออนุญาตสร้างเป็นวัดที่ถูกต้องสมบูรณ์แบบ และจะตั้งชื่อวัดอย่างที่ตนและชาวบ้านทุกคนต้องการ รวมไปถึงพระแก้วมรกตจำลองก็จะนำมาประดิษฐานในที่ดินแห่งนี้ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้บูชาต่อไป ส่วนหลวงปู่เณรคำ ตนจะไม่ให้มาอยู่ในวัดแห่งนี้แน่นอน เพราะไม่อยากให้วัดเสื่อมเสียไปมากกว่านี้

             ส่วนทางด้าน คณะกรรมการสงฆ์ที่ได้รับแต่งตั้งจากเจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ เตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการสงฆ์นัดแรก เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ ในช่วงบ่ายวันนี้ (21 มิถุนายน)
            

             โดยเบื้องต้นได้วางแนวสอบพฤติกรรมตามที่ปรากฏเป็นข่าว โดยเฉพาะที่มาของภาพถ่ายพระสงฆ์หน้าคล้ายหลวงปู่เณรคำ ขณะนอนอยู่กับสีกา และการวางตัวไม่เหมาะสมต่าง ๆ

             ขณะที่ นางสาวณฤดี  พีระโรจน์ ลูกศิษย์ใกล้ชิดในจังหวัดอุบลราชธานี อ้างว่า การปล่อยภาพและคลิปดังกล่าวนั้น เป็นการปล่อยเพื่อหวังทำลายชื่อเสียง และเป็นฝีมือของกรรมการวัดคนหนึ่ง ซึ่งรับราชการครู และเป็นนักข่าวท้องถิ่นใน จ.ศรีสะเกษ ที่หลวงปู่เณรคำไว้ใจให้ดูแลเรื่องการเงิน และระยะหลังเงินหายไปเป็นจำนวนมาก จึงถูกขับให้เป็นกรรมการวัด ซึ่งเรื่องนี้ทำให้บุคคลดังกล่าวไม่พอใจ และขู่ว่าหากไม่ได้เงิน 1 ล้านบาท จะนำภาพต่าง ๆ มาเปิดเผยกับสื่อมวลชน



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
 


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ร้องกองปราบฯ ตรวจสอบ หลวงปู่เณรคำ 13 ประเด็น โพสต์เมื่อ 21 มิถุนายน 2556 เวลา 12:06:54 3,681 อ่าน
TOP