เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
นิด้าโพล เผย พุทธศาสนิกชนไม่อยากเข้าทำบุญในวัดที่มีข่าวอื้อฉาว ร้อยละ 90 ชี้ ไม่เหมาะสมที่พระสงฆ์ใช้ของแบรนด์เนม แนะออกกฎข้อบังคับจำกัดวัตถุของสงฆ์
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2556 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนหัวข้อ "พระสงฆ์กับวัตถุนิยม" จากกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับพระภิกษุบางรูปมียานพาหนะ เครื่องใช้ส่วนตัว และทรัพย์สินมีค่าที่ดูเกินความจำเป็น เช่น รถหรูราคาแพง การใช้กระเป๋าแบรนด์เนม จนเป็นกระแสในสังคมถึงความเหมาะสมในสมณรูป ซึ่งทำการสุ่มสำรวจประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธทั่วประเทศ จำนวน 1,249 คน ระหว่างวันที่ 24 – 25 มิถุนายน 2556 พบว่า
อันดับที่ 1 ร้อยละ 90.39 เห็นว่า "ไม่เหมาะสม" เพราะพระสงฆ์อยู่ในสมณเพศ ควรปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างแก่พุทธศาสนิกชน ควรละซึ่งกิเลสทางโลก เช่น ความโลภ ความหลงใหลในวัตถุนิยมต่าง ๆ
อันดับที่ 2 ร้อยละ 5.68 เห็นว่า "เหมาะสม" เพราะเป็นสิทธิของพระสงฆ์ ของบางอย่างพระสงฆ์ไม่ได้ซื้อเอง แต่มีลูกศิษย์ซื้อมาถวายให้ใช้ และย่อมเป็นไปตามกาลเวลาและยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป บางครั้งอาจมีความจำเป็นต้องใช้สอยของสิ่งนี้
ส่วนความคิดเห็นของประชาชนที่คิดว่า สาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้พระสงฆ์มีพฤติกรรมวัตถุนิยมหรือบริโภคนิยม พบว่า
อันดับที่ 1 ร้อยละ 37.79 ระบุว่า เกิดจากพระสงฆ์ตัดไม่ขาดจากทางโลก ยังหลงใหลในวัตถุนิยมหรือบริโภคนิยม
อันดับที่ 2 ร้อยละ 30.82 ระบุว่า เกิดจากพระสงฆ์หลงในวัตถุนิยมหรือบริโภคนิยม และญาติโยม/ลูกศิษย์ก็ตอบสนอง
อันดับที่ 3 ร้อยละ 20.02 ระบุว่า เกิดจากญาติโยม/ลูกศิษย์ถวายวัตถุสิ่งของโดยขาดการยั้งคิดว่าเหมาะสมหรือไม่
อันดับที่ 4 ร้อยละ 6.49 ระบุว่า เกิดจากองค์กรที่ดูแลศาสนาอ่อนแอขาดประสิทธิภาพในการตรวจสอบป้องกัน
อันดับที่ 5 ร้อยละ 0.80 ระบุว่า เกิดจากสังคมและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
สำหรับความเห็นเกี่ยวกับ การกระทำอะไร หรือลักษณะของวัดหรือสำนักสงฆ์แบบไหนที่ส่งผลให้ชาวพุทธไม่อยากเข้าวัดไปทำบุญ พบว่า
อันดับที่ 1 ร้อยละ 46.84 ระบุว่า ไม่อยากเข้าวัดที่มีข่าวฉาวของพระสงฆ์ เช่น เสพยาบ้า ดื่มสุรา ยุ่งสีกา
อันดับที่ 2 ร้อยละ 30.50 ระบุว่า ไม่อยากเข้าวัดที่มีความเป็นพุทธพาณิชย์/เน้นวัตถุนิยมมากเกินไป บังคับให้ทำบุญ
อันดับที่ 3 ร้อยละ 6.65 ระบุว่า ไม่อยากเข้าวัดที่เน้นพิธีกรรมทางไสยศาสตร์มากกว่า คำสอนทางพุทธศาสนา
อันดับที่ 4 ร้อยละ 4.16 ระบุว่า ไม่อยากเข้าวัดที่มีพระในวัดยุ่งการเมือง/เลือกข้าง
อันดับที่ 5 ร้อยละ 4.08 ระบุว่า ไม่อยากเข้าวัดมีคำสอนที่บิดเบือนรวมถึงการโฆษณาอภินิหารเกินความจริง (อวดอุตริมนุสธรรม)
อันดับที่ 6 ร้อยละ 2.00 ระบุว่า ไม่อยากเข้าวัดที่มีการแบ่งชั้นวรรณะ เลือกคนทำบุญเฉพาะคนรวย พระพูดจาไม่สุภาพ
อันดับที่ 7 ร้อยละ 0.24 ระบุว่า สามารถทำบุญได้ทุกวัด โดยไม่ได้คำนึงว่าวัดนั้นหรือพระสงฆ์จะดีหรือไม่ดี คิดเสียว่าเป็นการทำบุญเพื่อตนเอง
นอกจากนี้ ประชาชนได้แนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมหลงในวัตถุนิยม และบริโภคนิยมมากเกินพอดี พบว่า
อันดับที่ 1 ร้อยละ 68.05 ระบุว่า ควรออกกฎข้อบังคับเพื่อจำกัดการครอบครองหรือใช้วัตถุของพระสงฆ์
อันดับที่ 2 ร้อยละ 8.81 ให้มีการเก็บภาษีพระสงฆ์จากเงินบริจาค/สิ่งของที่มาบริจาค
อันดับที่ 3 ร้อยละ 2.32 แก้ไขที่พระสงฆ์และญาติโยมให้มีความพอดี ทั้งผู้รับและผู้ถวาย
อันดับที่ 4 ร้อยละ 1.84 มีหน่วยงานกลางช่วยกันตรวจสอบ และประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา
อันดับที่ 5 ร้อยละ 0.72 เห็นว่า แก้ไขได้ยากจนถึงแก้ไขไม่ได้เลย
อันดับที่ 6 ร้อยละ 2.40 เห็นว่าควรดูเจตนาของการกระทำ ให้ลงโทษทางวินัย ตรวจสอบประวัติในเบื้องต้นของผู้ที่จะเข้ามาบวช
ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล กล่าวว่า ผลโพลที่ออกมาสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชนที่จะให้พระสงฆ์มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่หลงในวัตถุ ยึดในพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด เห็นได้ว่าประชาชนมีความคาดหวังต่อพระสงฆ์ ว่าจะต้องประพฤติปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย อดทน อดกลั้นต่อสิ่งยั่วยุทั้งหลาย จึงทำให้ปัญหาดังกล่าวพระสงฆ์จะถูกคนส่วนใหญ่ติเตียนมากกว่าฆราวาส ทั้งนี้ ขอให้ญาติโยม ลูกศิษย์ ควรมีสติและคำนึงถึงความเหมาะสมในการถวายสิ่งของใดให้พระสงฆ์ด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก