เทพไท วิจารณ์ปรับ ครม. แบ่งเป็น 6 กลุ่ม มีทั้งตอบแทน-ปูนบำเหน็จ-เก้าอี้ดนตรี-กระดาษชำระ ชี้กระทรวงศึกษาน่าห่วงสุด ส่วนพาณิชย์ปรับ ครม. เพื่ออ้างลดราคาจำนำข่าว วันนี้ (28 มิถุนายน 2556) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรั
ฐมนตรี โดยตั้งข้อสังเกตว่า การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้แบ่
งได้เป็น 6 กลุ่ม
- กลุ่มแรก แบบสร้างประวัติศาสตร์ให้คนบางคนคือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่เป็นผู้หญิงคนแรก - กลุ่มที่ 2 แบบเก้าอี้ดนตรีหรือสมบัติผลัดกันชม เช่น นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว, นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์, และนายฐานิสร์ เทียนทอง เป็นต้น - กลุ่มที่ 3 เป็นลักษณะสร้างเกียรติประวัติของ ส.ส.อาวุโส ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้เป็นรัฐมนตรี เช่น นายพ้อง ชีวานันท์, นาย พีรพันธุ์ พาลุสุข, นายนายวีระวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ - กลุ่มที่ 4 เป็นลักษณะต่างตอบแทน เช่น นางเบญจา หลุยเจริญ, นายชัยเกษม นิติสิริ, นายยรรยง พวงราช และนางสาวปวีณา หงส์สกุล - กลุ่มที่ 5 แบบปูนบำเหน็จ คือ เอาคนในเครือชินคอร์ปและบ้านเลขที่ 111 เช่น นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล, นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี เป็นต้น - กลุ่มที่ 6 แบบกระดาษชำระ คือ ใช้ประโยชน์แล้วหมดประโยชน์และโละทิ้ง เช่น พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ทั้งนี้ กระทรวงที่น่าเป็นห่วงมากที่สุ
ดคือกระทรวงศึกษาธิการ เพราะรัฐบาลรวมทั้งยุคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนให้ความสำคั
ญน้อยมากทั้งที่เป็นกระทรวงสำคั
ญ เพราะขาดความต่อเนื่องในการขั
บเคลื่อนนโยบายทางการศึกษาเนื่
องจากเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีบ่อย ซึ่งการปรับนายจาตุรนต์เข้
ามาเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ในอดีตเคยเป็นรัฐมนตรีว่
าการกระทรวงศึกษาธิการมาแล้ว แต่ไม่เคยมีประวัติที่โดดเด่
นเลย
ส่วนการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีว่
าการกระทรวงพาณิชย์เป็นชื่
อนายนายนิวัฒน์ธำรงนั้น เชื่อว่าเป็นการเตรียมการเข้
าเกียร์ถอยการลดราคารับจำนำข้าว และมาทบทวนราคาจำนำข้าวแล้วมาอ้
างต่อสังคมว่าเปลี่ยนใหม่
เพราะเปลี่ยนรัฐมนตรีที่รับผิ
ดชอบแล้ว ซึ่งปัญหาสำคัญของโครงการคื
อการทุจริต โดยเฉพาะนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิ
ชย์ พยายามสร้
างกระแสโดยการตรวจสอบโกดังทั่
วประเทศ แต่ตนขอตั้งข้อสังเกตว่
าการตรวจไม่จำเป็นต้องบอกล่
วงหน้าแต่ควรสุ่มตรวจ และคณะกรรมการตรวจไม่ควรเป็นหน่
วยงานราชการ ควรตั้งหน่วยงานอิสระขึ้นมา
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มที่ผิดหวังซึ่งน่าเห็
นใจเช่น นายจตุพร
พรมพันธุ์ แกนนำ นปช. ที่ยอมรับในชะตากรรมแล้ว และไม่ได้โทษอำนาจนอกระบบ
แต่โทษพรรคเพื่อไทย ส่วนคนอื่น ๆ เช่น พ.อ.อภิวินท์ วิริยะชัย
ถือเป็นการเหยียบย่ำน้ำใจคนเสื้
อแดงอย่างมากและยังมี นายไชยา พรหมา, นายนายไพจิต ศรีวรขาน และมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นต้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก