เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล โพสต์เฟซบุ๊กด่าระบบการศึกษาไทย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  เฟซบุ๊ก Netiwit Ntw

          เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์ระบบการศึกษาไทย ปลูกฝังความเป็นไทยที่เป็นเพียงนามธรรม ล้าหลัง ยกระบบโซตัสขึ้นสูง พอถึงวันไหว้ครูเด็กก็ต้องหมอบคลานเข้าไปหาเหมือนสัตว์

          ตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สำหรับ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เลขาธิการสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย นักเรียนโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ที่ได้ออกมาเสนอให้ประเทศไทยยกเลิกความเป็นไทยนั้น

          ความคืบหน้า ในวันนี้ (3 กรกฎาคม 2556) ก็ยังเกิดกระแสฮือฮาขึ้นต่อเนื่องกับข้อความในเฟซบุ๊ก Netiwit Ntw ที่นายเนติวิทย์ โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ในหัวข้อ "ความเป็นไทยตั้งแต่หัวจรดตีน–ผ่านระบบการศึกษาไทย" ซึ่งได้ยกคำพูดของตัวเองจากงานเสวนาอุษาคเนย์ "ความเป็นไทย ตั้งแต่หัวจรดตีน" เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา มาลงไว้ โดยมีเนื้อหาใช้เชิงวิพากษ์วิจารณ์ระบบการศึกษาของไทย ว่ามีการเน้นปลูกฝังความเป็นไทย ผ่านเนื้อหาบทเรียนที่ล้าหลัง ให้นักเรียนเกิดความเชื่อที่ผิด ๆ โดยอาศัยชื่อความเป็นไทย มาทำให้นักเรียนยกย่องเทิดทูน ยกระบบโซตัสให้สูง จนผู้น้อยไม่สามารถขัดแย้งใด ๆ ได้เลย

          โดยข้อความบางส่วนของ นายเนติวิทย์ กล่าวไว้ว่า ตั้งแต่เราเข้ามาในรั้วโรงเรียน ความเป็นไทยก็ถูกนำเข้ามาผ่านกฎระเบียบวินัยซึ่งให้นักเรียนจะต้องรักษาความเป็นไทย แล้วความเป็นไทยคืออะไร ไม่จำเป็นต้องถามเพราะสิ่งที่เป็นไทยคือสิ่งที่มันดำรงอยู่แล้ว เช่น การตัดผมทรงเกรียน-ติ่งหู การใส่เครื่องแบบนักเรียน ซึ่งถ้าคุณไม่ทำตามระเบียบ คุณก็ไม่ใช่คนที่มีความเป็นไทยเพราะความเป็นไทยคือสิ่งที่เหมือน ๆ กันและเล่าต่อกันมา เป็นความเชื่อที่เป็นสัจพจน์ ไม่จำเป็นต้องสืบหาให้ปวดหัว

          นอกจากนี้ นายเนติวิทย์ ยังได้มองว่า คนไทยยกระบบโซตัสเป็นสิ่งที่พิเศษ ระบบอาวุโส ระบบอุปถัมภ์ ซึ่งก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมระหว่างครูกับนักเรียน ปัญหาการโต้เถียงถกเถียงครูอาจารย์ในสังคมไทยบางทีก็เป็นเรื่องรับไม่ได้ นักเรียนคิดแย้งก็มีน้อยและส่วนมากไม่กล้า เพราะสภาพที่กดดันและอำนาจนิยม แม้กระทั่งครูกับครูเองก็มีปัญหากับผู้บริหารที่คิดว่าตัวเองวิเศษสูงส่งกว่าครูธรรมดา ครูก็มีหน้าที่รับฟัง เชื่อฟัง ขัดแย้งไม่ได้ ด้านนักเรียนที่ถูกปลูกฝังความคิดพอถึงวันไหว้ครูก็ต้องหมอบคลานเข้าไปเหมือนสิงสาราสัตว์ แล้วก็อ้างว่าเป็นของไทย

          และในส่วนการศึกษาประวัติศาสตร์ ระบบการศึกษาไทยก็เน้นเนื้อหาประวัติศาสตร์ของยุคเมื่อ 100-700 ปีก่อนเป็นหลัก กลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งสร้างความเป็นไทยกระแสหลักนั้นน้อยคนที่จะรู้จักเพราะเราศึกษาเรื่องของพวกเขาน้อยนิด นั่นทำให้เรามีความคิดแบบคนในยุคร้อยกว่าปีก่อน ความเป็นไทยในจินตนาการเยาวชนคือยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ยุคอยุธยา สุโขทัย พ.ศ. 2475 หากไม่ใช่พวกนี้ ก็กลายเป็นของแปลกปลอม

          นอกจากนี้ยังวิจารณ์ว่าระบบการศึกษาของไทยนั้น เป็นการสอนให้เด็กโง่ลง เพราะไม่เน้นให้เกิดการตั้งคำถามตรวจสอบที่มาที่ไป และผลของอดีตต่อปัจจุบัน จนท้ายที่สุดในตอนนี้หากถามครูและนักเรียนว่าความเป็นไทยคืออะไร ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนด้วยซ้ำ แต่เราก็ยังอุทิศตัวให้กับสิ่งที่เป็นนามธรรมนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชนชั้นปกครองเห็นว่าเป็นของดี เพราะถ้าคุณถาม อำนาจของพวกเขาก็สั่นคลอน

          สำหรับ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล วัย 16 ปี เลขาธิการสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติการศึกษาไทย เป็นนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ซึ่งมีแนวคิดในเชิงวิพากษ์ระบบการศึกษาของไทย และเป็น 1 ในสมาชิกหลักผู้ก่อตั้งแฟนเพจสมาพันธ์นักเรียนไทย เพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย ขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ที่เกิดจากการรวมตัวของนักเรียนไทยหลายโรงเรียนเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูประบบการศึกษา โดยประเด็นแรกที่เคลื่อนไหวคือการยกเลิกระเบียบบังคับนักเรียนชายตัดผมเกรียน นักเรียนหญิงสั้นเสมอติ่งหู และได้เคยร่วมกับเพื่อน ๆ ในกลุ่มเขียนจดหมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เรียกร้องให้อภิวัฒน์การศึกษาไทยมาแล้ว

          ในตอนที่ นายเนติวิทย์ อยู่ชั้น ม.2 เขาก็กลายมาเป็นเยาวชนผู้ที่ถูกมอบตำแหน่งบุคคลผู้มีทัศนคติอันตราย เนื่องจากได้เขียนวิจารณ์กฎระเบียบของโรงเรียนในเรื่องทรงผม แต่ก็ไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไป

          อย่างไรก็ตาม สำหรับการเคลื่อนไหวของ นายเนติวิทย์ นั้น มีทั้งกลุ่มคนจำนวนมากที่เห็นพ้องให้การสนับสนุนเขา และกลุ่มผู้ที่มองว่าเขาเป็นเด็กผู้มีหัวคิดที่เป็นอันตราย มีพฤติกรรมเข้าข่ายมือถือสากปากถือศีล ขณะที่บางคนนั้นให้การยอมรับว่าเขาเป็นเด็กไทยรุ่นใหม่ที่รู้จักคิด แต่ก็ยังปฏิเสธแนวคิดของเขาเนื่องจากเป็นแนวคิดที่รุนแรงและต้องการโค่นล้มรากเหง้าวัฒนธรรมของชาติตนเอง อันเป็นสิ่งที่คนส่วนมากยังไม่สามารถยอมรับได้



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เฟซบุ๊ก Netiwit Ntw , , waymagazine.org