x close

เดชชาติ พวงเกษ นี่แหละหนุ่ม จยย. รับจ้างคนดังแห่งโลกไซเบอร์


เดชชาติ พวงเกษ

เดชชาติ พวงเกษ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก มอเตอร์ไซค์รับจ้าง Motorcyrubjang, ทวิตเตอร์ @motorcyrubjang

            ต้องขอยกนิ้วให้คุณพี่ "เดชชาติ พวงเกษ" หนุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเขาเลยล่ะ เพราะตอนนี้คุณพี่เดชชาติ กลายเป็นคนดังไปทั่วโลกไซเบอร์แล้ว หลังจากมีคลิปพูดภาษาอังกฤษปร๋อขณะให้สัมภาษณ์กับสื่อสิงคโปร์ออกมาเผยแพร่ ทำเอาคนทึ่งกันเป็นแถว พากันเข้าไปกดไลค์ ทั้งในทวิตเตอร์ @motorcyrubjang และเฟซบุ๊ก มอเตอร์ไซค์รับจ้าง Motorcyrubjang กันเพียบ

            ฮอตขนาดนี้แล้ว ก็ลองมาทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นกันดีกว่า โดยหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ได้สัมภาษณ์ชีวิตของหนุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างคนนี้ เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

            ใครที่พักอาศัยอยู่ในซอยสุขุมวิท 71 ก็คงจะเคยเห็น "เดชชาติ พวงเกษ" หรือ พี่จ้อน กันมาบ้าง ซึ่งหนุ่มขับมอเตอร์ไซค์ วัย 39 ปีคนนี้บอกว่าตัวเองประจำอยู่ที่วินปรีดีพนมยงค์ 20 ซอยสุขุมวิท 71 มากว่า 6 ปีแล้ว และนอกจากจะรับส่งผู้โดยสาร ยังรับส่งเอกสาร รับเก็บเช็ค วางบิล เป็นงานเสริมด้วย

            ทั้งนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมพี่จ้อน เดชชาติ ถึงพูดภาษาอังกฤษได้คล่องจนหนุ่ม ๆ สาว ๆ วัยทำงานหลายคนยังอาย หรือเคยร่ำเรียนมาจากไหน ซึ่งเจ้าตัวบอกให้รู้ว่า จริง ๆ เขาไม่ได้ร่ำเรียนมาสูงเลย จบเพียงชั้น ป.6 ที่โรงเรียนในอำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เพราะที่บ้านฐานะไม่ดี เมื่อต้องย้ายเข้ามากรุงเทพฯ เขาจึงตัดสินใจเรียนต่อที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จนจบชั้น ม.6 และหลังจากนั้นก็ยึดอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างมาโดยตลอด

            แต่การที่เขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้นั้น เกิดจากการเรียนรู้ด้วยตัวเองล้วน ๆ อย่างเช่นเวลานั่งรถเมล์ พี่จ้อนจะชอบอ่านป้ายภาษาอังกฤษที่ติดอยู่ตามท้องถนน เมื่อเห็นคำศัพท์แล้วก็อยากรู้ความหมาย จึงไปซื้อดิกชันนารีมาแปลคำศัพท์ จากนั้นก็ยังหาซื้อหนังสือภาษาอังกฤษมาหัดอ่าน บ้างก็ฟังเพลงภาษาอังกฤษ ดูภาพยนตร์ซาวด์แทร็ค เพื่อให้คุ้นชินกับสำเนียง หลังจากฝึกฝนนาน ๆ เข้า เขาก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เอง

เดชชาติ พวงเกษ

            เพราะฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่พี่จ้อนคนดังจะถูกเพื่อน ๆ ในวินยกให้เป็นล่ามประจำวินมอเตอร์ไซค์ไปโดยปริยาย เพราะทั้งวินมีเพียงเขาคนเดียวที่คุยกับชาวต่างชาติได้คล่องที่สุด แต่ถึงกระนั้น พี่จ้อน ก็ยังช่วยสอนเพื่อนร่วมวินให้สื่อสารภาษาอังกฤษได้บ้าง

            แล้วที่เด็ดไปกว่าเรื่องภาษาอังกฤษ ก็คือเรื่องการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คที่พี่จ้อนอินเทรนด์สุด ๆ เพราะเขามักจะอัพบล็อก เขียนทวิตเตอร์ โพสต์เฟซบุ๊ก รายงานสภาพอากาศ อุบัติเหตุบนท้องถนนอยู่เรื่อย ๆ รวมทั้งถ่ายภาพอัพเดทสถานการณ์เหมือนกับเป็นนักข่าวพลเมืองให้ผู้ติดตามได้ชมกันด้วย

            และหากใครยังจำเหตุการณ์ระเบิดในซอยสุขุมวิท 71 เมื่อต้นปี 2555 ได้ ก็น่าจะเคยเห็นภาพชายชาวต่างชาตินอนขาขาดอยู่ริมถนนจากแรงระเบิดที่ถูกแชร์ต่อกันในอินเทอร์เน็ตหลังจากเกิดเหตุสด ๆ ร้อน ๆ...รู้ไหมว่าภาพเด็ดภาพนั้นเป็นฝีมือการถ่ายภาพของพี่จ้อนคนนี้นี่เอง !!! ซึ่งภายหลังสื่อต่างชาติก็ยังติดต่อมาขอใช้รูปนี้ไปลงหนังสือพิมพ์ พร้อมให้เครดิตรูปเรียบร้อย

            เรื่องนี้ทำให้พี่จ้อนดีใจไม่น้อยที่รูปและข้อมูลของเขาเป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะมองว่าการให้เครดิตรูปหรือข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเท่ากับเป็นการให้เกียรติเจ้าของข้อมูล แต่สำหรับรูปและข้อมูลของเขานั้น เขาก็ใจดีบอกว่าหากใครต้องการใช้ก็นำไปใช้ได้เลย แม้จะไม่ให้เครดิตก็ไม่ว่า ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ เพราะเพียงแค่รูปและข้อมูลของเขากระจายไปสู่สายตาคนหมู่มากเขาก็ดีใจแล้ว

            เอ...เห็นพี่จ้อนท่าทางจะเชี่ยวชาญเรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า เขามีจุดเริ่มต้นเรื่องนี้มาได้อย่างไร พี่จ้อน จึงเล่าให้ฟังว่าตัวเองเป็นคนชอบเทคโนโลยีอยู่แล้ว และเมื่อปี 2550 เคยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ที่รับช่องเนชั่น ทีวี ได้ ประกอบกับชอบคุณสุทธิชัย หยุ่น เป็นทุนเดิม เขาจึงติดตามดูช่องเนชั่นมาโดยตลอด กระทั่งได้รู้จักการเขียนบล็อกใน ok nation เขาจึงตั้งใจจะเขียนบล็อกด้วยเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเขาไม่รู้จักเลยว่าคอมพิวเตอร์คืออะไร แต่เพราะอยากรู้ จึงไปซื้อหนังสือมาอ่าน เมื่อเข้าใจชัดแจ้งแล้ว จึงตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์มือสอง ราคา 2,000 บาท มาลองใช้งานด้วย

เดชชาติ พวงเกษ

            หลังจากผ่านไป 3 เดือน พี่จ้อนก็ไปซื้อหนังสือการใช้อินเทอร์เน็ตมาศึกษา เมื่ออ่านเข้าใจแล้ว ก็ตัดสินใจเดินเข้าร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ทันที ซึ่งเขายังจำได้ดีว่าวันแรกที่ก้าวเข้าไปในร้านอินเทอร์เน็ตเขารู้สึกตื่นเต้นมาก แถมเจ้าของร้าน และลูกค้าในร้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนักศึกษา พนักงานออฟฟิศ ก็มองเขาด้วยท่าทางแปลก ๆ คงเป็นเพราะไม่เคยเห็นใครที่ใส่เสื้อวินมอเตอร์ไซค์เข้ามานั่งเล่นอินเทอร์เน็ตเป็นแน่ แต่เพราะความกล้าครั้งนั้น ทำให้พี่จ้อนเขียนบล็อกเป็น โดยใช้ชื่อ "ราษีไศล" แล้วนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับบ้านเกิดของเขา นานวันเข้า พี่จ้อนก็เริ่มเชี่ยวชาญ อัพรูปได้ อัพวิดีโอได้ จนเป็นที่รู้จักในแวดวงของบล็อกเกอร์ ok nation

            ต่อมา เมื่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้น คนเริ่มหันมาเล่นทวิตเตอร์ เฟซบุ๊กกันมากขึ้น พี่จ้อนก็ไม่รอช้า ขอเล่นทวิตเตอร์กับเขาด้วย จึงเปิดแอคเคาท์ชื่อ @motorcyrubjang ซึ่งก็มีคนฟอลโลว์วันละนิดวันละหน่อย แต่เพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัวหลังจากเขาถ่ายภาพเหตุการณ์ชายชาวต่างชาติขาขาดในเหตุระเบิดสุขุมวิท 71 ได้ และเหตุการณ์นั้นเองก็ทำให้คนรู้จักพี่จ้อนมากขึ้น กระทั่งมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งเมื่อมีคลิปรายการทีวีในสิงคโปร์มาสัมภาษณ์พี่จ้อนถูกแชร์ต่อกันไปทั่วโลกไซเบอร์ ซึ่งพี่จ้อนก็เขียนระบายความรู้สึกที่ถูกสัมภาษณ์ไว้ในบล็อกว่า

            "เดือนที่แล้วทีวีจากสิงคโปร์ช่องหนึ่ง ติดต่อมาหาผมว่าจะมาสัมภาษณ์ผมถึงความเป็นอยู่ของชาววินมอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ และเขาอยากรู้ว่าทำไมคนขับวินมอเตอร์ไซค์อย่างผมจึงเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คในการทำงาน เพราะขับวินมอเตอร์ไซค์ทำไมถึงใช้พวกนี้ วันนั้นรู้สึกเกร็งมากเหมือนกัน เพราะไม่เคยเจอที่สัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษจนจบ เคยแต่สัมภาษณ์ทีวีเมืองไทย เคยให้สัมภาษณ์สื่อใหญ่อย่างบีบีซี ยังมีล่ามมาด้วย แต่ทีวีสิงคโปร์แกเล่นมาเฉพาะทีมงาน ไม่มีล่าม ภาษาอังกฤษล้วน ๆ วินมอเตอร์ไซค์อย่างบล็อเกอร์ราษีไศลจึงมั่ว ๆ ไปจนผ่านฉลุย ต้องขออภัยท่านผู้เก่งภาษาอังกฤษมา ณ ที่นี่ด้วยนะครับ ถ้าคำพูดภาษาอังกฤษผมทำท่านฟังแล้วจะอ้วก เพราะด้วยปัญญาน้อยของวินมอเตอร์ไซค์ความรู้น้อยอย่างผมก็ได้งู ๆ ปลา ๆ ขออภัยด้วยครับ"

เดชชาติ พวงเกษ

            แต่คลิปนี้นี่เองที่ทำให้ พี่จ้อน ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อถามว่า พี่จ้อน ได้ประโยชน์อะไรจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์แบบนี้ เขาบอกเลยว่า ทำให้เขาสามารถแชร์เรื่องราวที่ต้องการให้ผู้อื่นรับรู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในบ้านเกิดของเขา สภาพการจราจรบนท้องถนน อุบัติเหตุ รวมทั้งยังช่วยให้ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วยนะ

            เมื่อเรื่องราวของพี่จ้อนถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคนิคบริหารธุรกิจกรุงเทพเห็นความตั้งใจและพยายาม จึงได้มอบทุนการศึกษาปริญญาตรีให้พี่จ้อนเข้าเรียนได้จนจบ ซึ่งเขาตัดสินใจเลือกเรียนคณะรัฐศาสตร์ เพราะมีความสนใจเป็นทุนเดิม โดยตั้งใจว่าหากเรียนจบปริญญาตรีก็จะกลับไปทำงานรับราชการที่บ้านเกิด และจะได้กลับไปอยู่กับภรรยาที่เป็นบรรณารักษ์อยู่ที่ห้องสมุดโรงเรียนในบ้านเกิดด้วย

            เห็นไหมว่าเพราะความใฝ่รู้ รู้จักฝึกฝนตัวเองด้วยความมุ่งมั่น ก็ทำให้หนุ่มขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างธรรมดา ๆ กลายเป็นคนไม่ธรรมดาขึ้นมาได้ แถมยังเป็นแบบอย่างให้คนได้ทำตามกันด้วย ขอปรบมือให้ดัง ๆ เลยจ้า ส่วนใครที่อยากติดตามข่าวสาร และอยากรู้จักหนุ่มวินคนนี้ให้มากขึ้น ก็เข้าไปได้ที่ บล็อก motorcyrubjang ทวิตเตอร์ @motorcyrubjang และ เฟซบุ๊ก มอเตอร์ไซค์รับจ้าง Motorcyrubjang ได้เลย







อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
,oknation.net, เฟซบุ๊ก มอเตอร์ไซค์รับจ้าง Motorcyrubjang, ทวิตเตอร์ @motorcyrubjang




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เดชชาติ พวงเกษ นี่แหละหนุ่ม จยย. รับจ้างคนดังแห่งโลกไซเบอร์ โพสต์เมื่อ 5 กรกฎาคม 2556 เวลา 12:10:32 14,349 อ่าน
TOP