เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva, เฟซบุ๊ก I Support PM Abhisit
ประชาธิปัตย์จัดทอล์คโชว์การกุศล ชวน - มาร์ค ชำแหละวิกฤติการเมือง ภายใต้ชื่องาน จากต้มยำกุ้ง แฮมเบอร์เกอร์ ถึงกรรเชียงปู และเงินกู้ผลาญแผ่นดิน ที่โรงภาพยนตร์สกาล่า สยามสแควร์ ประชาชนแห่ร่วมชมคึกคัก
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2556 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันจัดทอล์คโชว์การกุศลที่จัด โดยบลูสกายแชนแนล ที่โรงภาพยนตร์สกาล่า สยามสแควร์ โดยจัดขึ้นเวลา 14.00 17.00 น. ภายใต้ชื่องาน จากต้มยำกุ้ง แฮมเบอร์เกอร์ ถึงกรรเชียงปู และเงินกู้ผลาญแผ่นดิน มีใจความหลักเน้นเรื่องราวการนำประเทศผ่านวิกฤติในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ในที่นี้ ขายบัตรเข้าชมราคาใบละ 2,000 บาท และ 1,000 บาท ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ชมอย่างคับคั่ง ซึ่งรายได้จากการทอล์คโชว์นำเข้ามูลนิธิควง อภัยวงศ์ ร่วมกับมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
ทั้งนี้ นายชวน ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค กล่าวในงานทอล์คโชว์นี้ โดยมี 2 ประเด็นสำคัญ คือ
เรื่องวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 เรื่องปัญหาความไม่สงบชายแดนใต้นายชวน เล่า ย้อนรอยไทยลดค่าเงินบาท ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เกิดวิกฤตเงินทุนสำรองระหว่างประเทศหมด จนต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( ไอเอ็มเอฟ) ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร รองนายกรัฐมนตรี ก็เป็นหนึ่งในทีมกู้เงินไอเอ็มเอฟ 2.7 พันล้านเหรียญด้วย เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาเป็นรัฐบาลก็ต้องมีการกู้เงินจากไอเอ็มเอฟต่อเพื่อแก้ปัญหา แต่พรรคตนได้กู้เพียง 8 ครั้ง เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น พรรคตนได้หยุดกู้เงิน พร้อมทยอยใช้หนี้ อย่างไรก็ตามในช่วง วิกฤติเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ และประเทศไทยก็ได้รับคำชมว่า ความเป็นอยู่ของคนไทย ไม่ก่อให้เกิดวิกฤติสังคม ประชาชนในประเทศไม่อดอยาก ซึ่งวันนี้วิกฤติต้มยำกุ้งผ่านมา 16 ปี ถ้าไม่ได้อาศัยรากฐานที่พรรคประชาธิปัตย์
ส่วนกรณีปัญหาความไม่สงบชายแดนใต้ นายชวน อธิบายถึงช่วงรัฐบาลประชาธิปัตย์บริหารประเทศว่าผ่านมาที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2543 สถานการณ์ไฟใต้มีการก่อเหตุเพียง ไม่กี่สิบครั้งต่อปี และไม่รุนแรงขนาดนี้ แต่พอพรรคไทยรักไทยของพ.ต.ท. ทักษิณ เริ่มเข้ามาบริหารประเทศ ที่ขัดหลักธรรมาภิบาล นั้นคือ ฝ่ายบริหารไม่ยอมว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม กลับแก้ปัญหาด้วยการอุ้มฆ่า ประกอบกับนโยบายการปราบยาเสพติดที่ใช้วิธีการฆ่าตัดตอน จนในที่สุดได้นำมาซึ่งความรุนแรง แต่ วันนี้กฎหมายจะไม่เป็นกฎหมาย มีเฉพาะมีการยกพวกไล่ด่าศาล โดยไม่เกรงกลัว พอมีคดีความกลับวิ่งเต้นให้ฝ่ายตัวเอง แต่พอไม่สำเร็จไปแบล็คเมล์ข่มขู่ เพื่อให้สิ่งที่ตนต้องการ ซึ่งการบริหารโดยขัดหลักธรรมาภิบาลของระบอบทักษิณตั้งแต่วันนั้น ทำให้เกิดวิกฤติการณ์โกงทั้งโคตรจนประเทศตกต่ำ เพราะคนผิดสามารถลอยนวลได้ และขอให้กำลังใจประชาชนทั้งหมด อย่าย่อท้อ อย่าสยบให้กับคนที่โกงบ้านโกงเมือง ข้าราชการดี ๆ ต้องรับใช้บ้านเมือง ไม่ใช่แค่รับใช้คนตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ดังนั้น ขออย่าหวั่นไหวต้องร่วมกันสู้
หลังจากที่นายชวนได้ทอล์คโชว์เสร็จ ก็ได้เป่าแซกโซโฟนโชว์ คู่กับนายเทวัญ ทรัพย์แสนยากร นักแซกโซโฟนแจ๊สชาวไทยอีกด้วย
ด้าน นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นทอล์คโชว์ โดยขึ้นภาพการสไกป์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยประกาศว่า จะไม่มีการกู้เงิน แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล กลับกู้เงินจำนวนมาก ซึ่งการกระทำไม่สอดคล้องกับคำพูดที่เคยประกาศไว้ โดยเฉพาะในโครงการบริหารจัดการ น้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาทนั้น ตนก็พบว่ามีการคัดเลือกบริษัท เค.วอเตอร์ ไว้แล้วตั้งแต่ต้น ส่วน พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่จะสร้างรถไฟความเร็วสูง พบว่าเมื่อรวมกับดอกเบี้ยแล้วจะก่อหนี้ให้กับประชาชน สร้างหนี้สูงสุดในประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เล่าถึง ผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์เน้นไปที่นโยบายประชานิยม ไม่ว่าจะเป็นรถคันแรกต้องใช้เงินกว่าแสนล้านบาท และโครงการรับจำนำข้าวยังไม่รู้ว่าจุดจบจะอยู่ที่ตรงไหน แต่รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการศึกษาและสาธารณสุข ขณะเดียวกันกลับสร้างหนี้สาธารณะและหนี้เฉลี่ยของครัวเรือนสูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลไม่ยอมรับความจริง เรื่องตัวเลขขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว ที่ระบุว่า ขาดทุนกว่า 2.2 แสนล้านบาท ตามข้อมูลของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี กระทรวงการคลัง หากรวมยอดกับดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ก็อยู่ที่ 2.6 แสนล้านบาท แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ได้เลือกปัดความรับผิดชอบ ให้ถามคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ทั้งที่ ตัวนายกรัฐมนตรีนั่งตำแหน่งประธาน กขช.
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารประเทศเหมือนเก็บเงินไว้ให้คนอื่นใช้ อีกทั้ง ได้นำพาประเทศผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง คราวหน้าประชาธิปัตย์ขอใช้หนี้คืนบ้าง พร้อมยืนยันว่าอนาคต ประชาชนเลือกคนที่เข้ามาบริหารประเทศได้ ซึ่งต้องบริหารบ้านเมืองก่อนเรื่องส่วนตัว ต้องเอาธรรมาภิบาลกลับคืน และตนขออาสาตัว ช่วยแก้ปัญหา ประคับประคอง และพัฒนาประเทศต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
