เทปโก ตรวจพบปริมาณสารกัมมันตรังสีในน้ำใต้ดิน ภายในโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 90 เท่า เกรงจะเป็นอันตรายเพราะเป็นสารก่อมะเร็ง ขณะที่ หัวหน้าทีมกู้วิกฤติโรงไฟฟ้าฟูกุชิมะเสียชีวิตแล้ว ด้วยโรคมะเร็งหลอดอาหาร แพทย์ ยัน ไม่ได้เป็นเพราะสารกัมมันตรังสี
วันที่ 11 กรกฎาคม 2556 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า บริษัท ไฟฟ้าโตเกียว หรือเทปโก เผยว่า ปริมาณสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-134 ที่ตรวจพบจากตัวอย่างน้ำใต้ดิน บริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ เพิ่มสูงกว่าปริมาณที่เคยวัดได้ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2556 ถึง 86 เท่า โดยวัดปริมาณซีเซียม-134 ได้ 18,000 เบคเคอเรลต่อลิตร ทั้งที่รัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตให้มีอัตราการคายรังสี ซีเซียม -134 ได้เพียง 60 เบคเคอเรลต่อลิตร เท่านั้น ซึ่ง ซีเซียม-134 อาจเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งได้
ขณะนี้ เทปโก ยังไม่ทราบว่า สารกัมมันตรังสีรั่วตรงจุดไหน และกำลังหาทางป้องกันไม่ให้มีการรั่วไหลเพิ่มขึ้น ขณะที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่า น้ำใต้ดินจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ซึ่งปล่อยลงสู่ทะเลจะทำลายสัตว์ทะเลและจะส่งผลถึงมนุษย์ที่บริโภคสัตว์ทะเลเหล่านี้ เนื่องจากโรงไฟฟ้าใช้น้ำทะเลเพื่อหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มากว่า 2 ปีแล้ว หลังจากได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิ
นายมาซาโอะ โยชิดะ
ขณะเดียวกัน เมื่อวันพุธที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีรายงานด้วยว่า นายมาซาโอะ โยชิดะ หัวหน้าทีมของบริษัทผลิตไฟฟ้าโตเกียว (เทปโก) ซึ่งเคยเป็นฮีโร่เสี่ยงชีวิตกอบกู้วิกฤตินิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ไดอิชิ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการเกิดคลื่นสึนามิ ในปี 2011 ที่ผ่านมา ได้เสียชีวิตลงแล้ว ในวัย 58 ปี หลังจากป่วยด้วยโรคมะเร็งหลอดอาหาร อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์ได้เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่า การเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหารนั้น ไม่ได้เกิดจากการได้รับสารกัมมันตรังสีแต่อย่างใด
ทั้งนี้ การเสียชีวิตของ นายมาซาโอะ โยชิดะ ในครั้งนี้ สร้างความเศร้าโศกให้ชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ นายนาโอโตะ คัง อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ประทับใจในความซื่อตรงของ นายโยชิดะ และ นายโยชิดะ ยังทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีเกิดความเชื่อมั่นต่อการจัดการบริหารงานของบริษัทเทปโก