x close

สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ แจง ข้อมูลข้าวเน่าคัดลอกมาจากเน็ต ไม่ได้เขียนเอง


สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ

สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ

            สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรรายการคนค้นฅน เคลียร์ปมโพสต์เฟซบุ๊กแฉข้าวเน่า แจง เป็นข้อความที่ไปคัดลอกมาจากฟอร์เวิร์ดเมล ไม่ได้เขียนขึ้นเอง เอามาโพสต์เพื่อวิเคราะห์ ก่อนแชร์ต่อ แต่มือไปกดโพสต์ก่อน ทำคนแชร์ว่อนแล้วไปขยายความต่อ เผย ไม่สบายใจมากที่เรื่องลุกลามบานปลาย

            วันนี้ (11 กรกฎาคม 2556) นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ พิธีกรรายการ คนค้นฅน ได้โพสต์ข้อความผ่านหน้า เฟซบุ๊ก สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ อีกครั้ง โดยระบุว่า "ลุกลามบานปลายไปเกินกว่าที่จะคาดคิด มีหลายเรื่องที่ก่อให้เกิดการปรุงแต่ง บิดเบือนกันไปจากความคลาดเคลื่อน และส่งผลกระทบกับผู้อื่นที่ผมไม่ได้เจตนา รวมทั้งก่อให้เกิดผลที่ไม่ใช่เป้าหมายในการกระทำของผม ผมไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ และยังยืนยันความตั้งใจตามหลักการ แต่ไม่อยากให้ความเข้าใจผิดอันมีต้นเหตุจากการกระทำของผมก่อปัญหาให้สังคมซ้ำ ถ้าประสานงานทันผมจะแถลงบ่ายวันนี้ ที่ทีวีบูรพา"

            จากนั้น ในช่วงบ่าย นายสุทธิพงษ์ ได้เปิดแถลงข่าวทันที โดยระบุว่า ข้อความที่ตนโพสต์ขึ้นไปในเฟซบุ๊กนั้น ตนไปคัดลอกมาจากข้อมูลฟอร์เวิร์ดเมลที่คนส่งต่อกันมาทางไลน์ โดยตั้งใจจะคัดลอกข้อความนี้มาลงเฟซบุ๊กแล้วเขียนบรรยายตามที่ตั้งใจไว้ แต่ยังไม่ทันได้บรรยายความคิดเห็นของตัวเอง ก็เผลอไปกดปุ่มโพสต์ในโทรศัพท์ไอโฟนเสียก่อน พอแก้ไขข้อความ คนก็แชร์ข้อความแรกไปทั่วแล้ว ทำให้คนเข้าใจว่าตนเองเป็นคนโพสต์เรื่องทั้งหมด

สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ

สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ


            นายสุทธิพงษ์ ชี้แจงต่อว่า การที่ตนคัดลอกข้อความดังกล่าวมาลงไว้ จุดประสงค์เพื่อต้องการให้ผู้เกี่ยวข้องทราบเรื่องเท่านั้น และต้องการให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่มีการส่งต่อ ๆ กันมาเป็นระยะเวลาหนึ่งบ้าง เพราะรู้สึกกังวลต่อผู้บริโภคข้าว แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องเชื่อข้อมูลนี้ และไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องราวบานปลายใหญ่โต นอกจากนี้ ยังอยากให้ผู้ประกอบการที่มีชื่ออยู่รู้ว่ากำลังตกเป็นข่าวด้วย กระทั่งเมื่อสิ่งที่ตนโพสต์โดยที่ตนยังไม่ทันได้แสดงความคิดเห็นถูกแชร์ต่อกันจนเกิดเป็นกระแส ตนก็รีบลบข้อมูลทิ้งทันที เพราะรู้สึกไม่สบายใจมาก แต่ก็มีบุคคลนำไปขยายความต่อจนทำให้เกิดการเข้าใจผิด อีกทั้ง มีการบิดเบือนเจตนารมณ์ วันนี้จึงออกมาแถลงข่าวเพื่อชี้แจงให้สื่อมวลชนได้รับทราบข้อเท็จจริง

            ทั้งนี้ นายสุทธิพงษ์ ได้บอกด้วยว่า หลังจากนี้จะประชุมกับทีมงานเพื่อติดต่อไปยังผู้ประกอบการต่าง ๆ เพื่อชี้แจงเรื่องทั้งหมด เชื่อว่าจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทางผู้ประกอบการจะฟ้องร้องอะไรหรือไม่ก็คงเป็นเรื่องของอนาคต ขอยืนยันว่าการโพสต์ข้อความนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือต้องการจะดิสเครดิตยี่ห้อข้าวแต่อย่างใด








สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ

            สำหรับปมปัญหาดังกล่าวที่เป็นประเด็นร้อนแรงไปชั่วข้ามคืน เริ่มจาก นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ หรือ เช็ค ผู้ดำเนินรายการคนค้นฅน ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 โดยระบุถึง โรงสีข้าวรายใหญ่ของพรรคเพื่อไทย มีสารพิษตกค้าง และสารดังกล่าวไม่สามารถละลายน้ำได้ นอกจากนี้ยังจะทำให้หนูตายภายใน 5 นาที นายสุทธิพงษ์ จึงประกาศเตือนไม่ให้ซื้อข้าวหอมมะลิบางยี่ห้อโดยเด็ดขาด จนถูกกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก 

            และเมื่อวานนี้ (10 กรกฎาคม 2556) นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ได้โพสต์ข้อความอีกครั้งผ่านเฟซบุ๊ก Suttipong Thamawuit เมื่อเวลาประมาณ 16.25 น. โดยเป็นการตั้งคำถามถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ว่า ตนเองไม่ได้มีเจตนาออกมาแฉใคร ที่โพสต์ข้อมูลของโรงสีข้าวรายใหญ่ว่า มีสารพิษตกค้างนั้น ก็เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคเอง เพราะหากมีการนำข้าวออกสู่ท้องตลาดจริง ประชาชนที่บริโภคข้าวเหล่านี้ ก็จะต้องสะสมพิษในร่างกายเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งการทำอย่างนี้ไม่ต่างกับการทำร้ายกันทางอ้อม ดังนั้น หากการโพสต์ข้อมูลแฉโรงสีข้าวเป็นเรื่องไม่ควรทำอย่างที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์จริง ผมก็อยากตั้งคำถามย้อนกลับไปว่า เหตุของปัญหานี้อยู่ที่ไหน อยู่ที่การแชร์ข้อมูล หรืออยู่ที่วิธีการในการเก็บรักษาข้าวที่ต้องใช้สารเคมีมีพิษซึ่งตกค้างและเป็นอันตรายต่อชีวิตกันแน่ ซึ่งข้อความทั้งหมดที่ นายสุทธิพงษ์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Suttipong Thamawuit มีใจความ ดังนี้
 
            "สิ่งที่ผมยังไม่ได้โพสต์ "เรื่องข้าว"

            คนไทยส่วนใหญ่จะคิดเหมือนผมหรือเปล่าผมไม่แน่ใจหรอกครับ เพราะผมไม่ได้อยากขุดคุ้ยหรือแฉเบื้องหลังการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งไม่เคยคิดอยากจะทำ ไม่มีความสุขในการทำ และไม่มีความสามารถที่จะทำ ผมคิดว่ามีผู้มีหน้าที่ต้องทำ ควรทำและสามารถทำได้ดีกว่าคนทำสารคดีเล็ก ๆ อย่างผมอยู่แล้ว

            สิ่งที่ผมกังวล ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเองเลยเพราะผมมีข้าวที่ดีที่ผลิตโดยกัลยาณมิตรของผมเองรับประทาน ผมเพียงแต่เป็นห่วงว่าถ้าข่าวและข้อมูลตามที่ปรากฏอยู่จากการแชร์กันมาเป็นความจริง นอกจากความวิตกกังวลของคนกินข้าวที่ไม่มีทางเลือกแล้ว ผมคิดว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ต่างจากการวางยาพิษหมู่คนไทยค่อนประเทศไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครออกมาแสดงความกังวลหรือแสดงเจตนารมณ์ที่จะทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏเลย กระทั่งข้าวจะออกสู่ท้องตลาด หรือออกสู่ท้องตลาดมาแล้วเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะเป็นการก่อบาปครั้งใหญ่มากอีกครั้งหนึ่งของสังคมไทย หลังจากเราทำต่อกันมาแล้วนับครั่งไม่ถ้วน หากกุศลเจตนาของผมที่ไม่อยากให้ใครก่อบาปต่อใครเป็นเรื่องผิด ผมก็ยอมรับ ซึ่งผมถามตัวเองว่าถ้าผมเป็นพ่อค้าข้าวที่ขายข้าวให้คนกินผมจะมีความสุขหรืออยากก่อบาปโดยการเอาสิ่งเป็นพิษให้ลูกค้าผู้มีบุญคุณของผม ซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน (หรือไม่ก็ตาม) กินไหม ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่าไม่
 
            ถ้าผมเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ผมอยากเห็นประชาชนที่เลือกผมมาต้องสะสมพิษในร่างกายซึ่งจะนำมาซึ่งความเจ็บป่วยและทุกขเวทนาอีกมากมายในภายหลังจากการกินข้าวหรือไม่ และผมอยากมีส่วนร่วมต่อการก่อกรรมกับพวกเขาโดยการเพิกเฉยหรือไม่ ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ว่าใครก็ต้องตอบเหมือนผมนั่นก็คือ "ไม่"
 
            มันเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจมากใช่ไหมครับ ถ้าแม้แต่กระทั่งลูกเด็กเล็กแดงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือทารกไร้เดียงสาที่ดื่มนมจากนมมารดายังพลอยรับกรรมดื่มพิษไปด้วย คิดแบบนี้ดรามาเกินไปหรือเปล่าครับ
 
            กรรมที่ก่อเช่นนี้ในทางพุทธศาสนาเป็นการผิดศีลข้อที่หนึ่ง ซึ่งเป็นบาปที่ร้ายแรงมาก ศาสนาไม่ได้สอนให้ผมเอาตัวรอดแต่สอนให้ผมตระหนักว่าถ้าพบเห็นผู้ใดกำลังจะก่อกรรมอันเบียดเบียนและทำลายชีวิต ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ ถ้าผมทำอะไรได้ผมไม่ควรดูดาย หากไม่แสดงความปรารถนาดีต่อชีวิตผู้อื่นนั่นแหละ เป็นความผิดบาป
 
            ถ้าความหวังดีของใครก็ตามที่มีต่อทุกฝ่ายเป็นโทษต่อตัวเอง ผมว่าก็คงต้องกลับไปตั้งคำถามกับการเทศนาให้คนหลุดพ้นจากอวิชชาของพระทุกวัดด้วยเช่นกัน

            เพราะฉะนั้นสำหรับเรื่องนี้ จะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไรก็สุดแท้แต่ ประเด็นที่สำคัญที่ไม่ควร "หลุด" และไม่ควร "หลง" ก็คือสุดท้ายแล้วอย่าลืมเรื่องความปลอดภัยในการกินข้าวของคนค่อนประเทศ
 
            ในความกังวล สงสัย อึมครึม ผมอยากให้ทุกท่านใช้ปัญญาพิจารณาว่าใครควรจะเป็นผู้คลี่คลายความสงสัยในเรื่องนี้ คนทำสารคดีชีวิตอย่างผม สำนักข่าว พ่อค้าข้าว เจ้าหน้าที่ หรือรัฐบาล แล้วลองใช้สติไตร่ตรองดูนะครับว่าหากใครลงมือทำจะได้รับการสรรเสริญหรือนินทา ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคเป็นความผิดหรือความไม่ดีที่ไม่ควรทำตรงไหน และสุดท้ายนี้ผมอยากชวนให้คนไทยพิจารณาเหตุของปัญหานี้ตามหลักพุทธศาสนาว่า เหตุอยู่ที่ไหน อยู่ที่การแชร์ข้อมูล (ซึ่งมีคนแชร์มากมายก่อนผม) หรืออยู่ที่วิธีการในการเก็บรักษาข้าวที่ต้องใช้สารเคมีมีพิษซึ่งตกค้างและเป็นอันตรายต่อชีวิต
 
            ........หรืออยู่ที่พิษทั้งหลายในใจคน"

สุทธิพงษ์ คนค้นฅน



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
 


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ แจง ข้อมูลข้าวเน่าคัดลอกมาจากเน็ต ไม่ได้เขียนเอง โพสต์เมื่อ 11 กรกฎาคม 2556 เวลา 10:26:16 9,755 อ่าน
TOP