บขส. ตั้งอนุกรรมการ ศึกษาที่ตั้งสถานีใหม่ เล็งเมืองทอง-รังสิต

บขส. ตั้งอนุกรรมการ ศึกษาที่ตั้งสถานีใหม่ เล็งเมืองทอง-รังสิต (ไทยโพสต์)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์
 
          บขส. สั่งตั้งกรรมการศึกษาพื้นที่ตั้งสถานีขนส่งใหม่  ใช้พื้นที่ 150 ไร่ เล็งพื้นที่ดอนเมือง เมืองทองธานี และรังสิต หวังรองรับเออีซี ฟุ้งมีผู้ใช้บริการ 60 ล้านคนต่อปี คาดกำไรปี 56 ทะลุ 200 ล้านบาท

          เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2556 นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า บขส.บริษัทที่ปรึกษาเห็นว่าควรย้ายสถานีขนส่งหมอชิตไปที่แห่งใหม่ เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในอีก 2 ปีข้างหน้า ทำให้การเดินทางด้วยรถโดยสารจะมีปริมาณสูงขึ้นมาก

          "การจัดตั้งสถานีขนส่งแห่งใหม่ จะพัฒนาเป็นขนส่งระบบปิด เช่นเดียวกับท่าอากาศยาน โดยจะแยกผู้โดยสารที่จะเดินทางกับประชาชนทั่วไปไม่ให้ปะปนกัน ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ด้านความสะดวกของผู้โดยสารและการดูแลรักษาความปลอดภัย สำหรับการจัดหาสถานีขนส่งแห่งใหม่ เบื้องต้นเห็นว่าควรมีพื้นที่ใกล้เคียงระบบขนส่งระบบรางที่จะมีความสำคัญต่อการเดินทางในอนาคต" นายสมชัยกล่าว

          นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า บอร์ด บขส. ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด  เพื่อศึกษาแนวทางและความเป็นไปได้ รวบรวมข้อมูลและการหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการย้ายสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งใหม่ เบื้องต้นได้พิจารณาจากข้อมูลที่ได้ศึกษาไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งพื้นที่ที่จะมีการพิจารณาสถานีแห่งใหม่ คือ ดอนเมือง เมืองทองธานี และรังสิต

          "การสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งใหม่ บขส. ต้องการเนื้อที่ 120-150 ไร่ และเพื่อเป็นการรองรับกับ AEC ในปี 2558  บขส. ได้มีการเปิดเส้นทางใหม่เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีผู้มาใช้บริการ บขส. 30 ล้านคนต่อปี เมื่อเปิด AEC จะเพิ่มขึ้นเป็น 60 ล้านคนต่อปี ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาการดำเนิน 3-5 ปี นอกจากนี้ยังได้พัฒนาคุณภาพด้านการบริการอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีโครงการติดตั้งทีวีส่วนตัว ระบบวิดีโอออนดีมานด์ บนรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 ทุกชั้น เพื่อให้ความบันเทิงและข้อมูลข่าวสารแก่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการ" นายวุฒิชาติกล่าว
 
          สำหรับผลการดำเนินงานปี 2555 บขส. มีกำไรสุทธิ 192 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมา 68 ล้านบาท คิดเป็น 54.87% เป็นรายได้จากการเดินรถ 3,526 ล้านบาท คิดเป็น 4.28% รายได้จากการเดินรถร่วม 903 ล้านบาท คิดเป็น 2.30% และรายได้อื่นๆ ค่าเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ และค่าโฆษณา เพิ่มขึ้นประมาณ 201 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลจากการพัฒนาคุณภาพบริการ ทั้งการอำนวยความสะดวกในการจองตั๋วโดยสาร การเปิดเดินรถระหว่างประเทศ เส้นทาง สปป.ลาว พม่า และกัมพูชา และคาดว่าผลประกอบการในปี 2556 จะไม่ตำกว่าปี 2555


ขอขอบคุณข้อมูลจาก