x close

เตือนจิตอาสา ! ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอย่าลงพื้นที่เก็บกู้น้ำมันรั่ว ชี้เสี่ยงมะเร็ง

น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด

น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด

น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Noppakun Dibakomuda, คุณ 13maysa

            เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความหวั่นวิตกไม่น้อย สำหรับเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วกลางทะเลระยอง และไหลทะลักเข้าอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด เป็นเหตุให้ชายหาดและน้ำทะเลบริเวณดังกล่าวเต็มไปด้วยน้ำมันและคราบน้ำมัน ซึ่งชาวไทยทุกคนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ติดตามข่าวสารเพื่อหาช่องทางช่วยเหลือ บ้างก็รวมกลุ่มลงพื้นที่หวังจะร่วมด้วยช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อให้ชายหาดอ่าวพร้าวกลับมาสวยใสเหมือนดั่งเดิม...

            อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้ (1 สิงหาคม) คุณ Noppakun Dibakomuda ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการช่วยเหลือเหตุน้ำมันรั่ว โดยระบุว่า ชื่นชมในจิตอาสาของคนไทยทุกคน แต่อยากให้ศึกษาข้อมูลดูสักนิด เนื่องจากการลงพื้นที่กำจัดคราบน้ำมันดิบนั้น ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี และต้องมีอุปกรณ์ในการเก็บกู้น้ำมันอย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้น น้ำมันดิบอาจจะสะสมเข้าไปในร่างกาย และเสี่ยงทำให้เกิดเป็นมะเร็งได้ ดังนี้...

            "ด้วยความเคารพในจิตอาสาของทุกคน ครั้งนี้ไม่เหมือนกับภัยต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นมา เช่น สึนามิ น้ำท่วม ที่เราแค่มีใจ มีแรง มีรองเท้าบูท มีเรือ พร้อมของบริจาค ช่วยเหลือก็เข้าไปช่วยเหลือได้แล้ว แต่ครั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นน้ำมันดิบที่รั่วไหล และยังคงไม่สามารถจัดการกับน้ำมันที่รั่วไหลในทะเลได้ ลองมาสำรวจตัวเราเองก่อนไหมว่าเรามีพื้นฐานเหล่านี้แล้วหรือยัง

            1. รู้ถึงอันตรายของสิ่งที่เราจะไปเจอหรือยัง?
        
            น้ำมันดิบหากเราการสัมผัสตรงโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ซึ่งองค์ประกอบทางเคมีโลหะหนักที่อยู่ในน้ำมันดิบ มีความสามารถซึมผ่านชั้นผิวหนังได้ ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่าความไวของการรับรู้และการต้านทานสารพิษของแต่ละคน อาจจะไม่เท่ากัน บางคนอาจเริ่มต้นมีอาการคัน แสบผิว หรือไม่แสดงอาการอะไร แต่ถ้าสัมผัสโดยตรงสารเคมีซึมเข้าไปสะสมในร่างกายของเรา ปริมาณน้อยก็อาจจะไม่แสดงอาการ หรือแสดงอาการไม่ร้ายแรง แต่ปริมาณมากหน่อยก็จะเห็นชัดเจน คำถามว่ามากแค่ไหน ก็บอกได้ว่าแล้วแต่บุคคลเลยครับ แต่โดยส่วนตัวแค่ใช้มือเปล่าหรือใส่ถุงมือแล้วไปตักน้ำมันดิบที่มันมาเกยฝั่ง อยู่สัก 2-3 ชั่วโมง แล้วมันกระเด็นโดนแขน โดนหน้าบ้าง ผมก็ว่ามันเยอะมากแล้วล่ะครับ

            จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต !!! ก็เสี่ยงที่จะทำให้เกิดมะเร็งได้ ที่ไหนในร่างกายหรอครับ ก็แล้วแต่ว่า อวัยวะเครื่องในของแต่ละคนอันไหน มีความแข็งแรง อันไหนอ่อนแอ การสูดดมเอาไอระเหยเข้าไปในร่างกาย เชื่อว่า ไม่มีใครอยากดมกลิ่นน้ำมันหรอกครับ แต่ไปอยู่ในที่แบบนั้นอาจเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่เราจะรับรู้ได้ง่ายมากถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่สั้น โดยที่เราไม่มีเครื่องป้องกัน อาการมึน กลิ่นติดจมูก บางคนอาจจะแสบตา แสบจมูก หากสูดดมเป็นเวลานานไม่ได้มีการป้องกัน ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ ปอด รวมถึงอาจจะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งตามมาในอนาคต อย่างที่กล่าวไปว่าระดับความไวต่อการรับรู้และการต้านทานของสารพิษแต่ละคนไม่เหมือนกันนะครับ

            2. คุณผ่านการอบรมการจัดการของเสียแบบนี้มาหรือเปล่า...?

            สรุปแบบง่ายว่า การผ่านการอบรมจะทำให้เราตระหนักถึงสิ่งที่ควรและไม่ควรทำในการกำจัด วิธีการใช้งานสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล การอ่าน Material Safety Data Sheet (MSDS) ของสารที่รั่วไหล หรือปนเปื้อนบ่งบอกว่าอะไรรั่วไหล อะไรปนเปื้อน มีองค์ประกอบทางเคมี ผสมอะไรบ้าง ต้องถามเจ้าของผลิตภัณฑ์โดยตรงหรือเปล่า ควรมีการประเมินความเสี่ยงในวิธีการกำจัด ควรจัดทำแผนการ การเลือกใช้กำจัดที่ถูกวิธี การใช้สารเคมีที่ระงับ หรือบำบัด ให้ตรงกับสิ่งที่ปนเปื้อน รวมถึงแผนและวิธีการกำจัดอุปกรณ์ และดินหรือน้ำที่ปนเปื้อน แผนฉุกเฉินสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยอื่นที่อาจเกิดขึ้น เช่น ไฟไหม้ การปนเปื้อนที่อื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นต้น

น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด


            3. อุปกรณ์ ป้องกันภัยส่วนบุคคล ที่เหมาะสมกับระดับความเข้มข้น และสารเคมีที่ต้องปฏิบัติงานด้วยเรามีพร้อมแล้วหรือไม่ อย่างไร...?

            ในกรณีที่มีความรุนแรงประมาณที่หาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด สิ่งที่ต้องมี คือ

            a. หน้ากากกรองไอน้ำมันได้ หน้ากาก รวมชุดกรอง (Haft face resperator) ราคาประมาณ 900-1,000 บาท

            b. ชุดหมีป้องกันน้ำมัน สารเคมีแบบใช้แล้วทิ้ง ที่บ้านเราเรียกกันว่า Tyvek suit ราคาประมาณ 200-300 บาท  ซึ่งใช้แล้วทิ้ง ไม่นำมาใช้ใหม่ ซึ่งเสี่ยงที่จะทำให้เราสัมผัสน้ำมัน หรือเคมีโดยตรงได้

            c. ถุงมือไนไตรแบบหนา ที่เคยใช้เป็นสีเขียว หนาประมาณ 18 mil คู่ละประมาณ 40 บาท  ใช้แล้วทิ้งแล้วเปลี่ยนคู่ใหม่นะครับ ถ้าหากว่าน้ำมันเปื้อนถุงมือมาก  การสวมใส่ที่ถูกต้องคือต้องใส่หลังจากใส่ชุดหมีแล้วต้องมีผู้ช่วยใช้เทปกาวพันรอบถุงมือเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันสามารถเข้าไปภายในถุงมือได้

            d. รองเท้าบูทยางสูงเลยหน้าแข้ง ที่ป้องกันสารเคมี (น้ำมัน) ได้ ต้องมีมาตรฐาน EN345 ซึ่งมีราคาประมาณคู่ละ 600-700 บาท การสวมใส่ที่ถูกต้องคล้ายกับถุงมือ คือสวมรองเท้าหลังจากใส่ชุดหมีแล้ว และต้องมีเทปกาวพันรอบขอบรองเท้าบูทด้านบนเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันสามารถเข้าไปในรองเท้าได้

            e. แว่นตานิรภัย ป้องกันไอระเหยเข้าตา ป้องกันน้ำมันกระเด็นเข้าตาแบบไม่ได้ตั้งใจ ราคาประมาณ 80 – 300 บาท

            f. อุปกรณ์ทำความสะอาดอื่น ๆ กระดาษทิชชู ถุงขยะหนาเพื่อใส่ชุด หรืออุปกรณ์ที่ถูกเปลี่ยนเพราะปนเปื้อนอย่างมาก เพื่อที่จะนำขยะอันตรายนี้ไปกำจัดอย่างถูกวิธี

            ประมาณราคาโดยประมาณ ต่อคนก็ก็ประมาณ 1,700-2,500 บาท จำได้ใช่ไหมครับ บางอย่างใช้แล้วต้องทิ้ง

น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด

            สรุปนะครับ เมื่อเราตั้งใจดีไปช่วยแบบไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจ ก็จะเป็นเพียงแค่การย้ายของเสียจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเราก็คงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นใช่ไหมครับ คิดต่ออีกนะครับ เราจะเอาตัวเราไปเสี่ยงเพราะไม่รู้อะไรในการจัดเรื่องนี้ที่ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญการ เราเองก็จะไปเป็นภาระให้กับเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ แต่กลับต้องดูแลเรา หรือมาเสียเวลา ต้องมาทำให้เราเข้าใจ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอธิบายกันพอสมควร ว่าตรงนี้ปลอดภัย ไม่ปลอดภัย อยู่ได้ อยู่ไม่ได้ ช่วยได้ไหม หรือช่วยไม่ได้ เพราะเราไปแบบไม่มีพื้นฐาน ไม่มีความชำนาญ ไม่มีความรู้ ที่จะแย่ไปกว่านั้นอีก ถ้าหากมีคนเข้าไปเยอะแยะแต่ช่วยอะไรได้ไม่มาก หรือที่แย่คือช่วยอะไรไม่ได้เลย เพราะด้วยการประเมินขั้นต้นทั้ง 3 ข้อ ได้แค่ไปนั่งดูเจ้าหน้าที่ทำงาน เราก็จะไปเพิ่มมลพิษขยะขึ้นจากเดิมที่มีเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ทำได้จริง ๆ
   
            คิดดูนะครับ กล่องโฟมหรือถุงพลาสติกที่ใส่อาหารมาให้เรากิน ขวดน้ำดื่มพลาสติกที่เพิ่มขึ้น เปลืองเงินที่ต้องซื้ออาหาร น้ำดื่มเพิ่มขึ้น ทำให้ไปเบียดเบียนเรื่องเงินสำหรับอุปกรณ์เก็บกู้ อุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ต้องใช้แล้วทิ้งและต้องเปลี่ยนใหม่เสมอ ซึ่งส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการให้เร็ว ต้องรีบทำ สุดท้ายก็ทำแบบขอไปที อันนี้ต้องเผื่องบประมาณสำหรับสารเคมี หรือแบคทีเรีย ที่ต้องซื้อมากินสารเคมี กรดอีกกว่า 700 ชนิด จากน้ำมันดิบที่สามารถละลายอยู่ในน้ำทะเล ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าต้องซื้อมาเยอะแค่ไหน และต้องบำบัดและติดตามวัดผล เก็บตัวอย่างน้ำไปอีกนานเท่าไร แต่ต้องไม่น่าต่ำกว่า 2 ปี ท้ายที่สุดแล้วระบบนิเวศก็จะไม่ได้รับการช่วยบำบัดอย่างถูกต้อง และตลอดรอดฝั่ง เพราะความตั้งใจดีและจิตอาสาของเราหรือเปล่า ผมว่า "เก็บพลังและความตั้งใจไว้ช่วยฟื้นฟูขั้นต่อไป ซึ่งอาสาสมัครอย่างพวกเราน่าจะช่วยได้และดีกว่าแน่นอนครับ" บทความโดย Mr. A.V. อดีตเจ้าหน้าที่ชำนาญด้านการกำจัดและบำบัดการปนเปื้อนของน้ำมันและสารประกอบอื่นที่มีน้ำมัน (ไม่ประสงค์ออกนาม)

น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด

            "ผมเห็นภาพข่าวในโทรทัศน์ เห็นอาสาสมัครในชุดที่อาจจะเรียกได้ว่า เปลือย สำหรับสารพัดสารพิษ รองเท้าเอาถุงพลาสติกห่อไว้ ถุงมือซื้อจากตลาดนัด บางคนใส่เสื้อกันฝน หน้ากากกรองสารพิษที่กันอะไรไม่ได้เลย แว่นตาแทบไม่มีใส่ กำลังเอาถังพลาสติกจ้วงตักน้ำมันดิบจากชายฝั่ง...ภาพนี้หลายคนคงเคยเห็น ผมรู้อย่างหนึ่งว่า อาสาสมัครเหล่านั้น ไม่มีความรู้ในสาระข้างบนนี่เลย...เป็นห่วงครับ แชร์และส่งต่อกันให้มากที่สุด มากกว่า ที่คุณแชร์เรื่องดารากับยาไอซ์นะครับ ขอขอบคุณ Mr. A.V. ที่เอื้อเฟื้อบทความข้างบนด้วยเจตนาดีบนความรู้ที่ถูกต้องแก่สังคมครับ"  Noppakun Dibakomuda

            ประกาศรับสมัครอาสาเป็นการประกาศภายในองค์กร แต่ในโซเชียลเน็ตเวิร์กมันมีผลเชิงนัยต่อจิตอาสาที่ไม่รู้ความ ว่าการลงพื้นที่ แม้ไม่ใช่โปรเฟสชั่นแนล ก็สามารถลงได้ พิจารณาครับ


น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด

น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด

น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด

น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด

น้ำมันรั่ว เกาะเสม็ด



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เตือนจิตอาสา ! ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอย่าลงพื้นที่เก็บกู้น้ำมันรั่ว ชี้เสี่ยงมะเร็ง อัปเดตล่าสุด 3 สิงหาคม 2556 เวลา 10:29:18 56,733 อ่าน
TOP