PTTGC ปัด บิ๊กคลีนนิ่งอ่าวพร้าว 5 ส.ค.จ่อสรุปแนวทางเยียวยา


น้ำมันรั่ว

น้ำมันรั่ว

น้ำมันรั่ว

น้ำมันรั่ว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก pttgc-oilspill.com

           ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTGC เผย เจ้าหน้าที่ขนบิ๊กแบ็กคราบน้ำมัน ออกอ่าวพร้าว หมดแล้ว เล็งทำความสะอาดต่อ ยันไม่มีบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ 5 ส.ค. สรุปแนวทางเยียวยาได้สัปดาห์หน้า

           วันนี้ (4 สิงหาคม 2556) นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยความคืบหน้าการขจัดคราบน้ำมันบริเวณหาดอ่าวพร้าว จ.ระยอง ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำบิ๊กแบ็กสำหรับเก็บคราบน้ำมันลงเรือเพื่อขนออกจากพื้นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่ถังขนาด 1 คิว ที่มีความล่าช้าจากการขนจากเรือเล็กไปสู่เรือใหญ่ ซึ่งหลังจากเก็บอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือเสร็จสิ้น จะมีการเฝ้าระวังเรื่องทำความสะอาดอีกครั้ง ทั้งนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือ ขยะที่มีจำนวนมากจากประชาชน ที่เข้ามาช่วยขจัดคราบน้ำมัน ที่เกรงว่าจะทำให้เกิดความลำบากต่อการจัดการขยะของเกาะ

           สำหรับข่าวการขอความร่วมมือจิตอาสาร่วมทำความสะอาดครั้งใหญ่ หรือ บิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ในวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคมนี้ ที่ออกมาเป็นข่าว นายบวร ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้เป็นผู้จัด เนื่องจากระยะเวลายังเร็วเกินไป ไม่เหมาะแก่การจัด ทั้งนี้จะขอจัดการบริเวณหน้างานให้เสร็จสิ้นก่อน และจะมีการประกาศบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ให้ทราบทั่วกัน

           นอกจากนี้ ในส่วนของการเยียวยาได้มีการพูดคุยกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปแนวทางในการเยียวยาได้ภายในอาทิตย์หน้านี้ ส่วนมูลค่าความเสียหาย ยังไม่มีการประเมิน รวมถึงแผนการฟื้นฟู ซึ่งเป็นเรื่องในระยะยาว จะมีการทำแผนร่วมกับหน่วยงานต่างๆ หาแนวทาง เพื่อร่วมทำงานคืนเกาะเสม็ดและระบบนิเวศกลับคืนมา

           อย่างไรก็ตาม นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ประธาน กรรมการ บริษัท ปตท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้นโยบายกับบริษัท พีทีที โกลบอลฯ แล้วว่า ต้องดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรอการประเมินความเสียหายจากบริษัทประกัน


ปตท. เผยภาพอ่าวพร้าวใสแล้ว พร้อมขนขยะปนเปื้อนออกจากพื้นที่


            ปตท. เผยภาพอ่าวพร้าวใสแล้ว พร้อมขนขยะปนเปื้อนออกจากพื้นที่ จัดทีมเฝ้าระวังกำจัดฟิล์มน้ำมันหลงเหลือ เตรียมลงพื้นที่สำรวจผลกระทบจัดทำแผนฟื้นฟูต่อไป ขณะที่ กมธ.ท่องเที่ยว วอนอย่านำเสนอข่าวแต่แง่ลบ แนะรัฐทบทวนสัมปทานขุดเจาะน้ำมันใกล้เกาะ

            เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เว็บไซต์ pttgcgroup.com บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC ได้เผยถึงความคืบหน้าการขจัดคราบน้ำมันดิบที่รั่วไหล ทะลักเข้าชายหาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง ว่า ขณะนี้ได้ทำการลำเลียงและขนส่งขยะปนเปื้อนน้ำมันดิบออกจากบริเวณอ่าวพร้าวแล้ว โดยนำไปรวบรวมไว้ที่โรงกลั่นน้ำมันเพื่อนำไปตรวจสอบ แยกประเภท และส่งกำจัด ตามมาตรฐานที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนดไว้

            นอกจากนี้ ทางนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้จัดทีมขจัดคราบน้ำมันมาอำนวยความสะดวก โดยลงพื้นที่ขจัดคราบทำความสะอาดโขดหินด้วยการฉีดน้ำแรงดันสูงและเช็ดคราบชายหาดให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

            ขณะเดียวกันทาง PTTGC ก็ได้คงมาตรการเฝ้าระวังทางเรือ โดยใช้เรือจำนวน 5 ลำ ระวังและตรวจสอบในทะเล พร้อมวางบูมกั้นและจัดทีมเฝ้าระวังติดตามกำจัดฟิล์มน้ำมัน หากมีหลงเหลือและถูกพัดมายังชายหาด อีกทั้งยังจัดให้มีเรือตรวจรอบเกาะตลอดเวลา 24 ชั่วโมง





            อย่างไรก็ตาม ทาง PTTGC ยังได้กล่าวถึงจิตอาสาที่เข้ามาช่วยเหลือขจัดคราบน้ำมันบริเวณชายหาด โดยระบุว่ามีหน่วยงานที่เข้ามาสมทบประมาณ 900 คน ขณะที่ทีมงานจากสาธารณสุขจังหวัดระยอง ได้สนับสนุนจัดทีมพยาบาล มาตั้งจุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น จุดเฝ้าระวังสุขภาพและสุขอนามัยของผู้ปฏิบัติงานและจิตอาสาทุกวัน

            พร้อมกันนี้ ทางผู้บริหารก็ยังคงลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อรับฟังข้อร้องเรียนและเก็บข้อมูลผลกระทบจากชุมชน ทั้งผู้ประกอบการ และบุคคลทั่วไป เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุด เ
พื่อทำมาจัดทำแผนฟื้นฟูทางด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ส่วนสภาพแวดล้อมนั้นเบื้องต้นยังคงทำการสำรวจผลกระทบทั้งทางบก และทางน้ำ ตั้งแต่ หาดสวนสน ก้นอ่าว หาดหินขาว เขาแหลมหญ้า หาดแม่รำพึง

            ส่วนทางด้านศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออก กรมประมง และกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือยังคงเก็บตัวอย่างปลาและสัตว์น้ำตามจุดต่าง ๆ รอบเกาะเสม็ด เพื่อส่งไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน

            ขณะที่ นางธันยรัศม์ อัจฉริยะ ส.ว.ภูเก็ต ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การท่องเที่ยว กล่าวว่า จากการนำเสนอข่าวน้ำมันดิบรั่วนั้น ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งที่ข้อเท็จจริงเกิดขึ้นเพียงบางส่วนเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด แต่ภาพที่เผยแพร่ออกไปทั่วโลกกลายเป็นว่า ทะเล ชายหาด และปะการัง ของเกาะเสม็ดถูกทำลายไปทั้งหมด ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้ามา

            นางธันยรัศม์ แสดงความคิดเห็นว่า สื่อไม่ควรจะให้ข่าวทางด้านลบอย่างเดียว เพราะพื้นที่เกาะเสม็ด 90% ยังดีอยู่ ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องที่จะต้องดำเนินการฟื้นฟูกันต่อไป และหลังจากนี้ควรแก้ไขภาพพจน์เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวกลับคืนมา แต่คงต้องใช้เวลานานพอสมควร ตนจึงอยากให้รัฐบาลใช้วิกฤติเป็นโอกาส เชิญชวนบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาเที่ยวเกาะเสม็ด

            นางธันยรัศม์ กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) และรัฐบาล ต้องระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก และที่ผ่านมารัฐมักนำผลประกอบการด้านการท่องเที่ยวมาโฆษณาเป็นผลงานว่าทำรายได้เข้าประเทศเป็นอันดับที่ 2 แต่จริง ๆ แล้วรัฐไม่เคยเข้าใจเรื่องท่องเที่ยวอย่างแท้จริง ซึ่งตนอยากจะฝากถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า เกาะสมุย เกาะพงัน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของประเทศ แต่อยู่ใกล้แท่นขุดเจาะน้ำมันไม่กี่กิโลเมตร เลยอยากให้ตรองดูสักนิดว่า ระหว่างรายได้ที่ยั่งยืนของประเทศและคนในพื้นที่กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกเป็นของบริษัทต่างชาติ จะเลือกอะไร แต่หากเป็นไปได้ตนอยากให้มีทบทวนยกเลิกสัมปทาน


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
PTTGC ปัด บิ๊กคลีนนิ่งอ่าวพร้าว 5 ส.ค.จ่อสรุปแนวทางเยียวยา อัปเดตล่าสุด 4 สิงหาคม 2556 เวลา 16:16:46 26,927 อ่าน
TOP
x close