กองทัพประชาชนฯ ออกแถลงการณ์ 4 ข้อ ล้มระบอบทักษิณ เพื่อปฏิรูปประเทศ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส

          กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ยัน ไม่มีแผนจับตัวนายกฯ หรือประธานสภาฯ พร้อมย้ำชุมนุมไม่วุ่นวาย ไม่ดาวกระจายใน 3 เขตที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง แย้มมีทีเด็ดก่อนรุกสู้ชุมนุมใหญ่ 7 สิงหาคม

          วันที่ 4 สิงหาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ โดยในช่วงสายที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมจากจังหวัดต่างๆ ได้ทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมจับจองพื้นที่บริเวณโดยรอบลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มจังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศ คาดว่าในช่วงบ่ายของวันนี้ ยังคงทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ โดยแกนนำหลักเตรียม เดินทางมาพบปะกับผู้ชุมนุมและเตรียมขึ้นเวทีปราศรัยถึงทิศทางและจุดประสงค์ ของการชุมนุม ขณะที่แกนนำย่อย ยังคงสลับสับเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัยกันอย่างต่อเนื่อง

          ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมบางส่วนได้เตรียมอาหารมื้อกลางวัน มีทั้งอาหารไทยและมังสวิรัติ มาแจกจ่ายให้ประชาชนไปจนตลอดการชุมนุม ส่วนกองทัพสื่อมวลชนก็ได้เข้ามาจองพื้นที่ริมถนน เพื่อรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม กองอำนวยการกลาง ได้เปิดรับสมัครการ์ดรักษาความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุมร่วมร้อยคนแล้ว

          สำหรับการชุมนุมในวันนี้จะแบ่งย่อยเป็นหลายจุด จุดแรกคือที่สวนลุมพินี และจุดที่ 2 คือที่สวนจตุจักร โดยจะเริ่มอย่างเป็นทางการเวลา 16.30 น.

          ด้าน นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ระบุว่า ทางกลุ่มไม่มีแผนจับตัวนายกรัฐมนตรี รวมถึงประธานสภาและรองประธานสภาคนที่ 1 และ 2 เพื่อล้มถกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ขณะเดียวกัน ปฏิเสธไม่มีแผนรุกสร้างความโกลาหลใน 3 เขต ที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง เพราะถูกสกัดกั้นจากอำนาจเถื่อนอยู่แล้ว ยืนยันว่า การชุมนุมของกองทัพประชาชนฯ จะไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย พร้อมฝากบอกไปยังกลุ่มเสื้อแดง อย่าสร้างความปั่นป่วนและก่อกวนการชุมนุม ด้วยการเตรียมจ้องเป็นมือที่ 3

          อย่างไรก็ดี การชุมนุมในวันนี้ มีทีเด็ดก่อนจะรุกสู้ชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 7 สิงหาคม อีกครั้ง



ศอ.รส. เตือน อย่าแชร์ข้อความทำให้ตื่นตระหนก ขู่ทั้งจำทั้งปรับ

          ศอ.รส. แถลง การชุมนุมช่วงเช้าเป็นไปอย่างเรียบร้อย จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลใกล้ชิด เตือน อย่าแพร่ข้อความทำให้ตื่นตระหนกในโลกไซเบอร์ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ

          เมื่อช่วงสายของวันที่ 4 สิงหาคม 2556 พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ( ศอ.รส.) แถลงถึงสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองประจำวันว่า สถานการณ์โดยทั่วไปในพื้นที่ประกาศพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ในพื้นที่ 3 เขตของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย เขตดุสิต เขตพระนคร และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ยังเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดต่าง ๆ รวมทั้งมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

          สำหรับการชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ที่ลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี จากการตรวจสอบเมื่อช่วงเช้า มีผู้ชุมนุมประมาณ 300 คน และคาดว่าผู้ชุมนุมจากพื้นที่สนามหลวงจะทยอยเดินทางไปสมทบในช่วงบ่าย ขณะที่ การข่าวพบว่าผู้ชุมนุมได้เตรียมเสบียงประมาณ 2-3 วัน

          อย่างไรก็ตาม ศอ.รส. ได้เตือนประชาชน อย่าเผยแพร่ข้อความที่ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกทางโซเชียลมีเดีย โดยหากใครดำเนินการจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ





สภา รปภ.เข้ม เตรียมพร้อมรถดับเพลิง หากมีเหตุ

          บรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณรัฐสภา ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล มาคอยดูแลรักษาความปลอดภัยรอบรัฐสภา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปราบจลาจล ได้ประจำตามประตูเข้า-ออกของรัฐสภา จุดละหนึ่งหมู่ เพื่อป้องกันพื้นที่ในส่วนราชการ ซึ่งการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด

          นอกจากนี้ ภายในรัฐสภาได้มีรถควบคุมฝูงชน 1 คัน และรถฉีดน้ำดับเพลิงอีก 3 คัน จอดอยู่ ซึ่งหากมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่อาจจำเป็นต้องใช้รถดังกล่าวเข้าสนับสนุนการทำงาน




ตำรวจตั้งด่านสแกนม็อบ เฝ้าระวังกลุ่มบุคคลพิเศษจ้องป่วน

              บชภ.1 ตั้งด่านสแกนม็อบ เผย สั่งเฝ้าระวังกลุ่มบุคคลพิเศษ หวั่นเข้ามาป่วนม็อบ แต่การข่าวยังไม่มี ขณะที่ ประสงค์-หมอตุลย์ ไม่กังวล ด้าน พล.ร.อ.ชัย ยังไม่รู้จะยกระดับหรือไม่ ยัน ไม่เคยพูดจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย

             เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 สิงหาคม 2556 พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวถึงมาตรการเฝ้าระวังกลุ่มบุคคลที่อาจแฝงตัวเข้าร่วมชุมนุม กับกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ที่สวนลุมพินี วันนี้ ว่า ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 1 ยังไม่มีมาตรการดูแล หรือตรวจเข้มอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากมวลชนที่จะเข้ามาร่วมชุมนุมนั้น ส่วนมากจะเดินทางในลักษณะต่างคนต่างมา แล้วไปเจอกันที่จุดนัดหมาย ไม่มีลักษณะมาเป็นหมู่คณะ แต่ทั้งนี้ ตนได้การสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 ในจังหวัดที่เป็นทางผ่านของมวลชน ที่จะเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุม กับกองทัพประชาชนฯ นั้น ให้เฝ้าระวังกลุ่มบุคคลพิเศษ ที่ต้องสงสัยว่าอาจเข้ามาก่อเหตุป่วน เช่น กลุ่มชายฉกรรจ์ที่อาจพกพาอาวุธเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ

             โดยในช่วงนี้ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 มีมาตรการระดมกำลัง กวาดล้างอาชญากรรมอยู่แล้ว จึงถือโอกาสทำการสแกนกลุ่มบุคคลต้องสงสัยต่าง ๆ ไปในตัวด้วย อย่างไรก็ตาม จากทางการข่าวยังไม่พบว่ามีบุคคลที่จ้องป่วนการชุมนุม หรือกลุ่มมือที่ 3 เตรียมเข้ามาป่วนในพื้นที่การชุมนุมแต่อย่างใด

             ขณะที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ แนวร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าในวันนี้จะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมเท่าใด เพราะยังคาดคะเนไม่ได้ แต่คิดว่ามากพอสมควร เพราะเดินทางมาจากหลายที่ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ปิดเป็นความลับ แต่อยากให้ดูสถานการณ์วันต่อวันก่อนว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ไม่กังวล แม้ว่าสถานที่ชุมนุมจะห่างจากรัฐสภา และทำเนียบรัฐบาล

              ด้าน น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเสื้อหลากสี กล่าวว่า ในวันนี้ทางกลุ่มจะเข้าร่วมชุมนุมกับกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณด้วย แต่จะนำมวลชนไปจำนวนเท่าใดนั้น ส่วนตัวยังไม่ทราบเพราะไม่ใช่ม็อบจัดจ้าง ส่วนจะขึ้นปราศรัยหรือไม่ ต้องขอพักเรื่องดังกล่าวก่อน

             ส่วน พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ แนวร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ระบุว่า การชุมนุมของกองทัพประชาชนฯ ในวันนี้ ยังไม่ทราบว่าจะยุติหรือไม่ เพราะต้องรอดูสถานการณ์ก่อน รวมถึงยังไม่ทราบเช่นกันว่าจะมียกระดับ หรือเคลื่อนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมไปบริเวณอื่นหรือไม่ ตลอดจนหมัดเด็ดที่จะใช้ในการต่อสู้ เพราะต้องดูสิ่งแวดล้อมก่อนว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากไม่ได้มีการวางแผนตายตัว เพราะมีเป้าหมายระยะยาว ส่วนจำนวนผู้ชุมนุมนั้น ส่วนตัวไม่สามารถคาดคะเนได้ เพราะไม่ได้จัดจ้างผู้ชุมนุม พร้อมปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เป็นคนกล่าวว่า การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย แต่มองว่าคำพูดดังกล่าวอาจจะเป็นคำพูดปลุกใจ เพราะทางกลุ่มต้องต่อสู้กันไปเรื่อย ๆ

             นอกจากนี้ พล.ร.อ.ชัย ยังกล่าวว่า สาเหตุที่การบริหารสถานการณ์ครั้งนี้ไม่ได้มีแผนตายตัว เพราะอาจเป็นเป้าโจมตีได้ ส่วนตนเองจะขึ้นปราศรัยหรือไม่ ต้องดูสถานการณ์ด้วยเช่นกัน ว่าจะให้ใครกล่าวก่อนหรือหลัง



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก