เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
จีนเตรียมออกกฎหมาย บังคับให้คนอ่านหนังสือให้มากขึ้น หลังวิจัยชี้ว่า คนจีนอ่านหนังสือเพียงปีละ 6.7 เล่มต่อปี
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม เว็บไซต์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า หลังจากที่เมื่อเดือนก่อน รัฐบาลจีนได้ผ่านกฎหมาย เพื่อให้ผู้คนกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ของตัวเองให้มากขึ้น ในตอนนี้ รัฐบาลจีนก็ได้พิจารณาเกี่ยวกับการออกกฎหมาย เพื่อให้ส่งเสริมให้คนในประเทศอ่านหนังสือให้มากขึ้น และคาดว่า จะมีการผ่านร่างกฎหมายให้เสร็จสิ้นในปีนี้
ทั้งนี้ กฎข้อบังคับดังกล่าว ถูกเสนอเข้าสภานิติบัญญัติในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และตอนนี้ก็กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา เพราะจากการวิจัยชี้ให้เห็นว่า อัตราการอ่านหนังสือของคนจีนอยู่ ในระดับที่ต่ำมาก แม้ว่าจีนจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการผลิตหนังสือออกมามากที่สุดก็ตาม
โดยการวิจัยเมื่อปี ค.ศ. 2012 เผยว่า คนจีนที่มีอายุระหว่าง 18 - 70 ปี อ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 6.7 เล่ม อันรวมทั้งหนังสือที่เป็นเล่มและแบบอี-บุ๊ก ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าว ถือว่าเพิ่มขึ้นมาเพียง 1 เล่มต่อปี เมื่อเทียบกับสถิติในปี ค.ศ. 2011 ในขณะที่ปี ค.ศ. 2012 คนอเมริกัน ซื้อหนังสือเฉลี่ยปีละ 15 เล่มต่อปี และ 3 ใน 4 ของคนอเมริกันอ่านหนังสืออย่างน้อย 1 เล่ม ซึ่งนั่นหมายความว่า ในปี ค.ศ. 2012 คนอเมริกันอ่านหนังสือเฉลี่ยที่ 10.5 เล่มต่อปี
อย่างไรก็ตาม กระแสของผู้คนในโซเชียลมีเดีย ต่างไม่พอใจกับการประกาศกฎหมายฉบับนี้ โดยที่มีคน ๆ หนึ่งออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์เหวยป๋อว่า "ผมเห็นด้วยที่รัฐบาลมีการส่งเสริมให้คนอ่านหนังสือ แต่การออกกฎหมายเพื่อบังคับให้คนอ่านหนังสือถือเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีประโยชน์" หรือมีคนหนึ่งที่แสดงความคิดเห็นว่า "ไม่ว่ากฎหมายฉบับนี้ จะทำให้อัตราการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นขนาดไหน แต่มันเป็นความจริงที่ว่า คนจีนที่ไม่อ่านหนังสือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ "
