เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
จีนเตรียมเลิกการนำอวัยวะจากนักโทษประหารมาใช้ในการปลูกถ่ายอวัยวะสำหรับผู้ป่วย โดยจะนำเรื่องเข้าทำข้อตกลงกับโรงพยาบาลของรัฐชุดแรก 165 แห่ง ในเดือนพฤศจิกายนนี้
หลังจากในเดือนสิงหาคม ปี 2012 นายหวง เจี๋ยฟู รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสารธารณสุขในขณะนั้น เคยได้ออกมากล่าวว่าจีนกำลังลดและเตรียมที่จะยุติการใช้ปลูกถ่ายอวัยวะโดยใช้อวัยวะจากนักโทษประหารภายในเวลา 2 ปี เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ทำลายภาพลักษณ์ของประเทศมาก และกลายเป็นประเด็นให้จีนถูกโจมตีจากนานาประเทศอย่างหนักว่าการกระทำนี้ผิดหลักจริยธรรม เนื่องจากบ่อยครั้งที่ปรากฏว่าไม่มีการแจ้งแก่ตัวนักโทษก่อนล่วงหน้า รวมทั้งยังไม่ได้รับความยินยอมจากญาติอีกด้วย โดยจีนเป็นเพียงประเทศเดียวที่เหลืออยู่ในโลกที่ยังคงใช้อวัยวะจากนักโทษประหารในการปลูกถ่ายเปลี่ยนอวัยวะให้ผู้ป่วยเนื่องจากมีผู้ป่วยที่รอการเปลี่ยนถ่ายเป็นจำนวนมาก แต่จำนวนอวัยวะที่ได้รับการบริจาคมีไม่เพียงพอ อีกทั้งชาวจีนบางรายมองว่าการใช้อวัยวะจากนักโทษประหารนับว่าเป็นโอกาสที่นักโทษจะได้ล้างบาปที่ตัวเองเคยกระทำ และไม่นิยมบริจาคอวัยวะกันเพราะเชื่อว่าผู้ตายจะต้องอยู่ในสภาพอวัยวะครบบริบูรณ์เท่านั้นจึงจะไปสู่สุขคติได้
อย่างไรก็ดีตามรายงานจากเว็บไซต์นิวยอร์กเดลี่นิวส์ระบุว่า ล่าสุดนายหวง เจี๋ยฟู ผู้ลงจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุขแล้ว แต่ยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะ ได้ออกมากล่าวถึงความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (15 สิงหาคม) ที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้กำลังจะถูกนำเข้าหารือและทำข้อตกลงกับโรงพยาบาลรัฐชุดแรกจำนวน 165 แห่ง ในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่อย่างไรก็ดีตัวเลขจำนวนโรงพยาบาลทั้งหมดที่จะเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าวยังคงไม่เป็นที่แน่ชัด รวมทั้งเส้นตายวันที่จะยกเลิกการใช้อวัยวะจากนักโทษประหารอย่างเป็นทางการก็ยังไม่เป็นที่แน่นอน
ข้อตกลงดังกล่าวต้องการให้โรงพยาบาลยุติการใช้อวัยวะของนักโทษในการรักษาปลูกถ่ายแก่ผู้ป่วย และหันมาใช้อวัยวะที่ได้มาอย่างถูกต้องตามหลักจริยธรรมโดยการบริจาคด้วยความเต็มใจจากตัวผู้อุทิศอวัยวะเอง
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่เริ่มมีการเคลื่อนไหวเตรียมยุติใช้อวัยวะนักโทษประหารในการรักษาปลูกถ่ายอวัยวะแก่ผู้ป่วย ยอดการใช้อวัยวะของนักโทษในจีนก็เริ่มลดลง จาก 64% ในปี 2012 มาเป็น 54% ช่วยช่วงครึ่งแรกของปี 2013 พร้อมกันนี้จีนยังได้เพิ่มศูนย์รับบริจาคอวัยวะขึ้น โดยเริ่มได้แรงตอบรับในทางที่ดีมากขึ้น จากยอดผู้บริจาคทั้งหมด 63 รายในปี 2010 ขยับขึ้นมาเป็นเฉลี่ย 130 รายต่อเดือนในปีที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้อวัยวะที่ได้จากการบริจาคก็ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการที่จะใช้ในการรักษา เมื่อบวกกับการทยอยลดการใช้อวัยวะจากนักโทษลงไปอีก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าช่องว่างนี้จะทำให้จีนต้องเผชิญกับปัญหาการค้าอวัยวะเถื่อนและการบังคับบริจาคอวัยวะเพิ่มขึ้น ซึ่งก่อนหน้าจีนได้ล้อมคอกไว้แล้วในปี 2007 ด้วยการออกกฏในการใช้อวัยวะที่ได้รับการบริจาคว่า ต้องไม่มาจากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิตอยู่เว้นแต่จะเป็นคู่แต่งงาน ผู้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดหรือ และจากบุตรบุญธรรมหรือผู้ได้รับการอุปถัมภ์เท่านั้น
