ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
คนงานโรงงานทำพลุ จ.จันทบุรี หอบภรรยาและลูกสาวโร่แจ้งมูลนิธิปวีณาฯ หลังภรรยาและลูกได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดในโรงงานพลุ โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากนายจ้าง
วันนี้ (18 สิงหาคม 2556) นายเทียมเทพ พาวังหิน อายุ 47 ปี พาภรรยาและบุตรสาววัย 11 ปี เดินทางเข้าร้องเรียนต่อนางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังภรรยาและลูกได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดที่ จ.จันทบุรี โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางนายจ้าง นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตที่เป็นญาติกันอีก 2 รายด้วย
โดย นายเทียมเทพ เผยว่า ตนทำงานรับจ้างในโรงงานผลิตพลุและดอกไม้ไฟ และพักอาศัยอยู่ห้องพักของนายจ้างในโรงงาน ต่อมาเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา บุตรสาวปิดภาคเรียน นายจ้างจึงได้ให้บุตรสาวไปช่วยงานที่โรงงานดังกล่าว โดยให้ค่าจ้างวันละ 100 บาท จนวันที่ 12 เมษายน 2556 ขณะที่ภรรยา ลูกสาว และคนงานหญิงอีก 2 คนกำลังทำงานอยู่นั้น นายจ้างได้สั่งให้ช่วยกันนำดินประสิวสำหรับทำพลุไปตากแดดไว้บนลานปูน เพราะมีความชื้น เกรงว่าดินประสิวจะขึ้นราจนนำไปประกอบพลุไม่ได้
จนช่วงบ่าย ทั้ง 4 คนได้ช่วยกันเก็บดินประสิวที่ตากไว้ แต่ดินประสิวเกิดระเบิดและลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ทำให้คนงานทั้ง 4 ได้รับบาดเจ็บถูกไฟครอกทั่วตัว ทุกคนก็ช่วยรีบดับไฟที่ลุกไหม้ตามตัว ส่วนบุตรสาวพอได้สติก็รีบวิ่งออกมาหาน้ำราดตัว และโทรศัพท์แจ้งให้นายจ้างทราบ แต่นายจ้างกลับไม่มาดูที่เกิดเหตุ มีเพียงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี จนต่อมาผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสเสียชีวิต 2 ราย ส่วนลูกสาวกับภรรยาตนบาดเจ็บสาหัส ขณะที่หลังเกิดเหตุนายจ้างกลับให้ปากคำกับตำรวจว่า ลูกสาวตนไม่ได้เป็นคนงาน แต่เดินตามแม่ไปเข้าห้องน้ำแถวที่เกิดเหตุ
ด้านนางปวีณา หงสกุล ระบุว่า ได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.วีระสมพร อยู่ศรีสกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวอีกครั้งแล้ว เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย และดำเนินคดีในเรื่องไม่มีใบอนุญาตในการทำโรงงานผลิตพลุ นอกจากนี้จะประสานกระทรวงแรงงานให้ดำเนินการกับนายจ้างเรื่องการใช้แรงงานเด็ก และประสาน พ.ต.ท.ชูศักดิ์ อภัยภักดิ์ รองผกก 1.บก.ปคม ดำเนินคดีเรื่องค้ามนุษย์
ส่วนการรักษาพยาบาลจะขอให้ทางศาสตราจารย์แพทย์หญิงวิบูลพรรณ ฐิตะดิลก โรงพยาบาลศิริราช. ช่วยดูแลอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ เด็กผู้บาดเจ็บจะต้องใช้เวลาในการรักษาตัวเป็นเวลานาน คงต้องประสานกระทรวงศึกษาในเรื่องพักการเรียนจนหายดี และจะจัดหาที่เรียนให้ ส่วนความเป็นอยู่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงจะเข้าไปดูแลจัดหาที่พักและช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิดต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
