เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
สมีคำ โผล่บิณฑบาตบนเทือกเขาแห่งหนึ่ง ที่ประเทศลาว ญาติโยมจากไทยเหมารถไปกราบไหว้เพียบ ด้านทนายสุกิจ เผยการตรวจดีเอ็นเอไม่สามารถเอาผิด สมีคำ ในคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เนื่องจากผ่านมา 10 ปีแล้ว และไม่มีวัตถุพยานยืนยัน
เมื่อวานนี้ (24 สิงหาคม 2556) นายสุกิจ พูลศรีเกษม ทนายความของ นายวิรพล สุขผล หรือสมีคำ กล่าวถึงกรณีที่ทางดีเอสไอเตรียมส่งข้อมูลผลตรวจดีเอ็นเอของสมีคำให้กับอัยการคดีพิเศษและศาลพิจารณาคดี เพื่อดำเนินการในขั้นตอนส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนว่า กฎหมายในเรื่องของการข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ที่ตั้งข้อหากับสมีคำนั้น ผ่านพ้นมา 10 ปีแล้ว ทำให้ข้อกฎหมายนี้ไม่สามารถเอาผิดกับสมีคำได้ เพราะคดีข่มขืนนั้นต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าถูกข่มขืนจริงในขณะนั้น และร่องรอยการข่มขืนก็ต้องปรากฏอยู่ด้วยขณะที่กระทำความผิด เมื่อไม่มีวัตถุพยาน ตนเชื่อว่าอัยการไม่สั่งฟ้องอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าจะออกหมายจับก็ไม่สามารถเอาผิดได้
ทนายสุกิจ ยังกล่าวว่า สำหรับผลตรวจดีเอ็นเอนั้น จะเชื่อได้ว่าอย่างไรว่าน้ำลายเป็นของสมีคำ และถ้าหากวันไหนที่สมีคำมอบตัวแล้วเอาน้ำลายไปให้ตรวจเมื่อผลออกมาไม่ใช่ใครจะรับผิดชอบ และเมื่อข่าวออกมากลายเป็นว่าสมีคำถูกสังคมพิพากษาไปแล้ว
อย่างไรก็ดี ท้ายนี้มีรายงานระบุว่า สมีคำยังหลบอาศัยอยู่ที่ สปป.ลาว บนเทือกเขาแห่งหนึ่ง โดยทุกเช้าสมีคำจะออกมาจากที่พักเพื่อบิณฑบาตและพบปะพูดคุยกับญาติโยม แม้กระทั่งฝนตกก็ออกมาพบ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มีญาติโยมจากประเทศไทย เหมารถบัสกว่า 10 คัน เดินทางข้ามไปกราบไว้เป็นจำนวนมาก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก