นายศุภชัย ใจสมุทร (แฟ้มภาพ)
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เลขาฯ พรรคภูมิใจไทย ยัน ไม่ทราบเรื่องค่าเช่าด่านเก็บเงินแจกใบปลิวหาเสียงเลือกตั้ง สอบพบคนไปเช่าพื้นที่คือ ธนชาติ แสงประดับ น้องเขยที่ถูกไล่ออกจากพรรคไปก่อนเลือกตั้งแล้ว วอน กกต. ให้ความเป็นธรรม ซัด น้องเขยคนเนรคุณ
จากกรณีที่คณะอนุกรรมการ กกต. เสนอให้ กกต. แจ้งต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยไม่แจ้งค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ไว้ในรายงานประจำปี ในส่วนที่นำเงินไปเช่าพื้นที่ด่านเก็บเงินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ประมาณ 300 ด่าน เพื่อแจกเอกสารประชาสัมพันธ์แนะนำพรรค ซึ่งอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 94 นั้น
วันนี้ (28 สิงหาคม 2556) นายศุภชัย ใจสมุทร เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ผู้ที่ร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ กกต. คือ นายทรงกรด ไชยแก้ว และนายธนชาติ แสงประดับ ธรรมโชติ สมาชิกและกรรมการนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเขยของตน และเป็นบุคคลที่ไปขอเช่าพื้นที่หน้าด่านเก็บเงินของการทางพิเศษฯ เพื่อแจกแผ่นพับโฆษณาประชาสัมพันธ์ของพรรคด้วย แต่ทางพรรคขอยืนยันว่า ไม่เคยรับรู้ถึงการไปเช่าพื้นที่แจกแผ่นพับนี้ เพราะนายธนชาติได้ถูกไล่ออกจากพรรคไปก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากไปหลอกลวงผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ว่า จะช่วยติดต่อกับ กกต. ให้ช่วยเหลือการเลือกตั้ง
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเชื่อว่า นายธนชาติ อาศัยฐานะความเป็นน้องเขยของตนไปแสวงหาผลประโยชน์กับการทางพิเศษฯ ทางพรรคจึงเตรียมจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายธนชาติ และนายทรงกรด ในสัปดาห์หน้า เพราะทำให้พรรคเสียหาย เนื่องจากทางพรรคไม่ได้กระทำการอย่างที่ถูกกล่าวหา และขอเตือนให้คนที่กำลังโอบอุ้มนายธนชาติอยู่ในตอนนี้ระวังคนเนรคุณอย่างนายธนชาติให้ดี เพราะนายธนชาติยังกล้าเนรคุณตน ทั้งที่ตนเคยโอบอุ้มนายธนชาติมา
ขณะเดียวกัน เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ยังรู้สึกกังขาต่อการทำหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ กกต. เพราะทราบว่ามีหนึ่งในคณะอนุกรรมการ กกต. เป็นเพื่อนกับนายธนชาติ นอกจากนี้หากพิจารณาคดีตามหลักแล้ว จะต้องพิจารณาด้วยว่าทั้งสองฝ่ายมีเหตุโกรธเคืองกันหรือไม่ แต่ทางคณะอนุกรรมการ กกต. กลับไม่ฟังคำชี้แจงของพรรคภูมิใจไทย จึงอยากให้ กกต. พิจารณาเรื่องนี้ด้วยเป็นธรรม นอกจากนี้ ก็อยากให้ตรวจสอบด้วยว่า ทำไมข้อความในการไต่สวนทั้งหมด ซึ่งถือเป็นความลับทางราชการที่คณะอนุกรรมการ กกต. เป็นผู้ครอบครอง กลับไปปรากฏอยู่ในหน้าเว็บไซต์พระนครสาสน์ เรื่องนี้เท่ากับผิดกฎหมายอาญา มาตรา 164 ที่นำความลับราชการมาเปิดเผย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
