พระราชาธิบดี-ราชินีแห่งมาเลเซีย เสด็จเยือนไทยอย่างเป็นทางการ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ iSnapNationPhoto สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน 2556

            เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปยังกองบัญชาการกองทัพอากาศ เพื่อทรงต้อนรับ สมเด็จพระราชาธิบดี อัลมูตัสสิมู บิลลาฮี มูฮิบบุดดิน ตวนกู อัลฮัจญ์ อับดุล ฮาลิม มูฮัซซัม ชาห์ อิบนี อัลมาร์ฮูม สุลต่าน บาดลิชาห์ สมเด็จพระราชาธิบดีพระองค์ที่ 14 และสมเด็จพระราชินี ประไหมสุหรีอากง ตวนกู ฮัจญะห์ ฮามินะห์ บินติ ฮัจญี ฮามีดุน สมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย พร้อมด้วยพระราชวงศ์ฝ่ายมาเลเซีย ในฐานะพระราชอาคันตุกะ ซึ่งเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 2-5 กันยายน 2556

            โดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการรับผิดชอบในการรับเสด็จ พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้กราบบังคมทูลแนะนำตัวเอง จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเชิญสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ไปยังแท่นรับการถวายความเคารพ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเชิญสมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย และพระราชวงศ์ฝ่ายมาเลเซียไปยังพลับพลา จากนั้นกองทหารได้ยิงสลุต 21 นัด วงดุริยางค์บรรเลงเพลงชาติมาเลเซีย และเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จตรวจแถวทหารกองเกียรติยศผสม ก่อนประทับรถยนต์พระที่นั่ง เพื่อเสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล

            จากนั้นเวลา 12.07 น. หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกราบบังคมทูลรับเสด็จในนามประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายกุญแจเมืองแด่สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการต้อนรับ โดยตัวกุญแจมีความยาว 6 นิ้ว น้ำหนักทองประมาณ 90 กรัม ส่วนบนกุญแจเป็นตราสัญลักษณ์กรุงเทพมหานคร คือ รูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ และส่วนล่างด้านหนึ่งมีคำว่า "City of Bangkok" และอีกด้านหนึ่งมีคำว่า "Bangkok Thailand"

            ในเวลา 17.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จออกแทนพระองค์ ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทรงรับสมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย และพระราชทานพระราชวโรกาสให้พระราชวงศ์ฝ่ายมาเลเซีย เฝ้าทูลละอองพระบาทด้วย

            ในโอกาสนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ แด่สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้า แด่สมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย จากนั้นได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของขวัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดถวาย ได้แก่ พระบรมฉายาลักษณ์คู่ พร้อมกรอบเงินลงถมตะทอง ประดับอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. ทองคำลงยา, พระกรัณฑ์ถมตะทองลายดอกพุดตานใบเทศ พร้อมกี๋ไม้ฉลุลายบัวหลวง, ผ้าแพรวา, ผ้าไหมมัดหมี่ และผ้าไหมพื้น

            ส่วนสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ได้ถวายพระบรมฉายาลักษณ์คู่ เรือเชี่ยนหมาก พระโสร่ง และกล่องเครื่องประดับ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และทรงมีพระราชปฏิสันถารตามพระราชอัธยาศัย ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินกลับ

            ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย พระชนมายุ 86 พรรษา ทรงเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีพระองค์แรกแห่งมาเลเซีย ที่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ 2 ครั้ง ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี พระองค์ที่ 14 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554 โดยได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ระหว่างวันที่ 1-8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2516 ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยในครั้งล่าสุดนี้ นับเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ ที่มีต่อกันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และจะได้ร่วมลงทุนทำการค้าต่อกัน ในฐานะมิตรประเทศในกลุ่ม AEC




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก