เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ผอ.สำนักพุทธฯ นครปฐม แจงเหตุไม่ปลด หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ออกจากการเป็นหัวหน้าพระวินยาธิการ ชี้ไม่ได้คุกคาม ตามที่หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวอ้าง บอกทำทุกอย่างตามขั้นตอน พร้อมกล่าวชื่นชมหลวงพี่น้ำฝน เพราะตำรวจพระเป็นหน้าที่ที่ไม่มีใครกล้าทำ
จากกรณีที่ หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ต่อสายตรงถึง นายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เพื่อแจ้งถึงสาเหตุที่ทางวัดอ้อน้อย ไม่ยอมให้ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะหัวหน้าพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) ตรวจปัสสาวะพระลูกวัดของตนเอง โดยระบุว่า หลวงพี่น้ำฝนเอาวัยรุ่นขายยามาร่วมทีม และได้เสนอให้เจ้าคณะพิจารณาปลดหลวงพี่น้ำฝนออกจากการเป็นตำรวจพระ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไป เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด รายการเจาะข่าวเด่น (3 กันยายน 2556) ได้เชิญ หลวงปู่พุทธะอิสระ มาพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ ระบุว่า การเข้ามาของหลวงพี่น้ำฝนนั้น ไม่เป็นไปตามขั้นตอนอย่างที่ควรจะเป็น อีกทั้งยังมาเจาะจงตรวจแค่วัดที่เป็นคู่กรณีเพียง 2 วัดเท่านั้น แถมยังเอากล้อง เอาสื่อมวลชน นักเลงที่อดีตเคยติดยา รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่น เหมือนจะเข้าไปเล่นงานตนด้วย ตนจึงไม่ยอมให้หลวงพี่น้ำฝนตรวจปัสสาวะพระลูกวัด พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ฝ่าฝืนมติคณะสงฆ์ แต่การตรวจปัสสาวะนั้นควรจะเป็นการตรวจกันเองมากกว่า และหากวัดไหนที่ขอความช่วยเหลือก็ให้รายงานไป ไม่ใช่เข้ามาตรวจเช่นนี้
ขณะเดียวกัน ทางเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ก็ได้เรียกประชุมพระวิทยาธิการและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อระงับข้อพิพาทระหว่าง วัดอ้อน้อยกับหลวงพี่น้ำฝน โดยที่ประชุมได้สอบถามถึงหลวงพี่น้ำฝนและทีมสาธารณสุข ซึ่งได้คำตอบตรงกันว่า ไม่มีการข่มขู่หรือคุกคามแต่อย่างใด และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน มีเพียงแต่ประโยคที่หลวงพี่น้ำฝน ถามว่า เป็นเจ้าอาวาสทำไมต้องรอคำสั่งคนอื่น ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนอาจจะพูดเสียงดัง เลยทำให้เหมือนเป็นการคุกคาม นอกจากนี้ ทางเจ้าคณะจังหวัดยังได้กล่าวชื่นชม หลวงพี่น้ำฝน เนื่องจากการเป็นพระวิทยาธิการ หรือหัวหน้าตำรวจพระ เป็นหน้าที่ที่พระรูปอื่น ๆ ไม่กล้าทำ
ส่วนทางด้าน นายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผอ.สำนักพุทธฯ ยืนยันว่า ที่ประชุมไม่มีมติปลดหลวงพี่น้ำฝนในกรณีนี้ เพราะไม่พบพฤติกรรมตามที่หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวอ้าง และก่อนหน้าที่พระวิทยาธิการจะเข้าไปตรวจก็ได้ทำหนังสือแจ้งทุกวัดแล้ว ซึ่งหากไม่พร้อมก็สามารถดำเนินการเองได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
