ขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก สรรเสริญ สมะลาภา
ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ คาดสินค้าแพงขึ้นเรื่อย ๆ จนสิ้นปีนี้ราคาสินค้าแพงหนักกว่าเดิม จี้ให้รัฐบาลยอมรับว่ามีสินค้าราคาแพงขึ้น ไม่ใช่ประชาชนคิดไปเอง ซึ่งเป็นผลจากการบริหารงานไม่เป็นเอง
วันนี้ (15 กันยายน 2556) นายสรรเสริญ สะมะลาภา ส.ส.กทม. รมช.พาณิชย์ เงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงปัญหาสินค้าราคาแพงว่า เป็นผลจากการที่รัฐบาลพยายามสร้างภาพประชาชนคิดไปเอง หรือเพราะสื่อลงข่าวเยอะว่าของแพง ยอมรับว่ามีเพียงสินค้าบางตัวเท่านั้นที่ราคาแพงขึ้น เพราะถ้ายอมรับว่าราคาขึ้นทุกอย่างก็เป็นเหมือนการประจานการแก้ปัญหาที่ล้มเหลวของรัฐบาล
ดังจะเห็นได้จากโครงการธงฟ้า ซึ่งมีแต่สินค้าที่รัฐบาลคิดว่าแพงเท่านั้น เช่น ไข่ไก่และข้าว มีสินค้าไม่ทั่วถึง จึงมั่นใจว่าสถานการณ์แพงทั้งแผ่นดินทั่วราชอาณาจักร จะยังคงอยู่ต่อไปจนถึงปลายปีซึ่งสินค้าจะแพงหนักกว่าเดิม เพราะผู้ประกอบการอั้นราคาสินค้า จากมาตรการค่าแรง 300 บาท และต้นทุนวัตถุดิบ
นอกจากนี้ นายสรรเสริญ ยังขอนำข้อมูลราคาสินค้าของ 2 ตลาดหลักที่ประกาศอย่างเป็นทางการ คือ ตลาดยิ่งเจริญ ซึ่งเป็นตลาดขายปลีก และตลาดไท ซึ่งเป็นตลาดขายส่ง มาเทียบราคาที่เปลี่ยนไปนับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2554 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้ามาบริหารประเทศ ถึงวันที่ 11 กันยายน 2556 พบว่าที่ตลาดยิ่งเจริญ มีราคาสินค้าของอาหารสดแพงขึ้น 27.5% ขณะที่ตลาดไท ปรากฎว่าสินค้าทุกหมวดแพงขึ้น 25.4%
และนายสรรเสริญยังได้ชี้ว่า สินค้าที่แพงขึ้นในช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็คืออาหารทะเลที่แพงขึ้นถึง 4 เท่า โดยเฉพาะปูทะเล ที่แพงขึ้น 400% รัฐบาลนี้มีนายกรัฐมนตรี ที่มีชื่อเล่นว่า ปู แต่ปูก็ยังแพง นอกจากจะบริหารไม่เป็นแล้ว ยังมัวแต่เที่ยวต่างประเทศ แถมยังรับประทานยากอีกด้วย
ดังนั้น นายสรรเสริญ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลประเมินความเดือดร้อนของประชาชน จากการประเมินราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ไม่ใช่ประเมินจากเงินเฟ้อโดยรวม และต้องยอมรับว่าราคาที่เพิ่มขึ้นของสินค้าขายส่งและขายปลีก เป็นปัญหาจากต้นทุน ซึ่งเป็นการบริหารงานของรัฐบาลเองที่ทำให้เกิดผลกระทบกับทั้งระบบ รัฐบาลจึงต้องทบทวนมาตรการในการชดเชยให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
