เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก watarun
วัดอรุณราชวรวราราม เตรียมปิดพระปรางค์ซ่อมใหญ่ 24 กันยายนนี้ เริ่มบูรณะทางทิศตะวันตกก่อน ส่วนฝั่งทิศตะวันออกยังเปิดให้ชมได้ตามปกติ พร้อมประสาน ททท. ทำโมเดลจำลอง ให้ชมขณะปิดซ่อม
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2556 พระศากยปุตติยวงศ์ (ต่อศักดิ์ สุนฺทรวาที) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรวราราม เปิดเผยว่า ทางวัดอรุณฯ ได้ร่วมกับกรมศิลปากร ดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ พระปรางค์วัดอรุณฯ เนื่องจากทั้งองค์พระประธาน และปรางค์ประกอบได้ทรุดโทรมลงมาก โดยได้กำหนดการดำเนินการและเปิดป้ายโครงการอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 กันยายนนี้ เวลา 15.00 น. ซึ่งจะเริ่มดำเนินการบูรณะพระปรางค์ทางทิศตะวันตกก่อน ส่วนฝั่งทิศตะวันออกยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมตามปกติ
สำหรับการบูรณะในครั้งนี้ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ประจำปี 2556-2558 มาจำนวน 130 ล้านบาท นับเป็นการบูรณะครั้งใหญ่ในรอบ 14 ปี ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีในการบูรณะเข้ามาช่วยเป็นครั้งแรก ส่วนในการบูรณะจะคงใช้วัสดุของเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ทางวัดยังได้ประสานไปยังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้จัดสร้างโมเดลพระปรางค์วัดอรุณขนาดย่อ ส่วนสูง 4 เมตร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นถึงรูปแบบของพระปรางค์ ขณะที่ทำการปิดบูรณะ
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณฯ กล่าวอีกว่า การบูรณะวัดอรุณฯ เริ่มมีบันทึกตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ โดยรัชกาลที่ 1 ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดแจ้งใหม่ทั้งวัด แต่ยังไม่ทันสำเร็จก็สิ้นรัชกาล ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้งต่อ (พ.ศ. 2363) และมีพระราชดำริที่จะเสริมสร้างพระปรางค์หน้าวัดให้สูงขึ้น และพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดอรุณราชธาราม" แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน จนในรัชกาลที่ 3 (พ.ศ. 2385) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสริมพระปรางค์ขึ้น และให้ยืมมงกุฎที่หล่อสำหรับพระพุทธรูปทรงเครื่องที่จะเป็นพระประธานวัดนางนองมาติดต่อบนยอดนภศูล
จากนั้นในรัชกาลที่ 4 ได้พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชธารามหลายรายการ และให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถด้วย และเมื่อการปฏิสังขรณ์เสร็จสิ้นลง จึงได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดอรุณราชวราราม" ต่อมารัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์พระปรางค์ ถมลานให้สูงขึ้นและทำรั้วเหล็ก สถาปนาวัดอรุณฯ ขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก กรมศิลปากรจึงได้ทำการบูรณะอีกครั้ง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
