x close

คนอวดผี ตอน ไฟไหม้โรงพักไทรน้อย...คลายทุกข์วิญญาณในห้องขัง


คนอวดผี ตอน ไฟไหม้โรงพักไทรน้อย...คลายทุกข์วิญญาณในห้องขัง


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการคนอวดผี โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            ข่าวไฟไหม้โรงพักไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2556 ถือเป็นข่าวหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากในช่วงนั้น เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ต้องหาที่อยู่ในห้องขังถูกไฟคลอกเสียชีวิตถึง 4 ศพ และทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ทำไมจึงปล่อยให้ผู้ต้องขังถูกย่างสดจนเสียชีวิต แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะยืนยันว่าได้พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือแล้ว แต่เนื่องจากเพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วและรุนแรง จึงไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้

            สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ หนึ่งในผู้ต้องขังที่เสียชีวิตก็คือ นายเจิด สรงภู่ อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาคดีพกอาวุธปืน ที่ภรรยาและลูกสาวของเขายังคงทำใจไม่ได้กับการสูญเสียหัวหน้าครอบครัวไปอย่างไม่มีวันกลับ และรู้สึกเป็นห่วงคุณเจิดว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะหลังจากเกิดเหตุไม่นาน หลานตัวเล็ก ๆ กลับเห็นคุณเจิดกลับมาที่บ้านในสภาพที่ตัวดำไหม้เป็นตอตะโก และเมื่อวิ่งไปดูก็พบเถ้าถ่านสีดำตกอยู่ในจุดนั้น ซึ่งน่าแปลกใจอย่างยิ่งว่า เถ้าถ่านเหล่านั้นมาได้อย่างไร

            เพื่อหาคำตอบในเรื่องนี้ คุณติ๋ม ประทุม เกษลักษณ์ ภรรยา และคุณจอย จินตนา เกษลักษณ์ ลูกสาว จึงได้มาร่วมรายการคนอวดผี ในช่วงศูนย์บรรเทาทุกข์ผี

            ก่อนอื่น คุณติ๋ม และคุณจอย เล่าว่า คุณเจิดทำงานเป็นผู้รับเหมาฝ้าเพดาน ปกติเป็นคนใจร้อน แต่มีความรับผิดชอบสูงมาก และรักครอบครัวมาก แล้ววันหนึ่ง ก็มีคนเรียกตำรวจมาจับกุมคุณเจิดในข้อหาพกพาอาวุธปืน แต่คุณเจิดบอกว่ามีทะเบียนปืน ทางตำรวจจึงมาขอทะเบียนปืนที่บ้าน ซึ่งช่วงนั้นคุณติ๋มไม่แน่ใจว่าตำรวจให้ประกันตัวหรือไม่ แต่ ณ ตอนนั้นเธอยังไม่อยากประกันตัวสามีออกมา เพราะสามีมีอาการเมาอยู่ กลัวว่ากลับมาแล้วจะมีเรื่องกัน จึงอยากให้อยู่ในห้องขังก่อน แล้วค่อยประกันตัวออกมาตอนเช้า

            คุณติ๋ม บอกว่า ตอนที่คุยกันที่โรงพักนั้น สามีพูดตลอดเวลาว่าไม่อยากอยู่ในห้องขัง และนี่ก็เป็นการถูกจับครั้งแรกในชีวิต เช่นเดียวกับคุณจอยที่บอกว่า พ่อพูดอยู่ตลอดเวลาว่าให้พาพ่อออกจากห้องขังด้วย เพราะถ้าอยู่ที่นี่ต้องตายแน่ ๆ ซึ่งเธอก็ตอบไปว่าเดี๋ยวอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว แล้วถึงตอนนั้นจะมารับพ่อออกไป

คนอวดผี ตอน ไฟไหม้โรงพักไทรน้อย...คลายทุกข์วิญญาณในห้องขัง

            กระทั่งช่วงเช้ามืด เพื่อนบ้านที่ดูโทรทัศน์เห็นข่าวไฟไหม้ สภ.ไทรน้อย และรู้ว่าคุณเจิดเสียชีวิตแล้ว ก็ได้ไปบอกคุณแม่ของคุณเจิด คุณแม่จึงขึ้นมาปลุกคุณติ๋มให้รีบไปโรงพัก ซึ่งตอนแรกคุณติ๋มก็ไม่เชื่อ เพราะเพิ่งกลับมาจากโรงพักตอนตี 3 นี้เอง แต่เมื่อคุณแม่ยืนยัน คุณติ๋มกับคุณจอยก็รีบไปที่โรงพัก และเมื่อไปถึงก็ทราบว่าไม่มีผู้ต้องขังคนไหนรอดแม้แต่คนเดียว คุณจอยจึงรีบวิ่งเข้าไปด้านในโรงพัก และก็เห็นภาพคุณพ่อดำไหม้เป็นตอตะโกนอนเสียชีวิตอยู่ในห้องขัง 

            หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ไม่กี่คืน วันหนึ่งหลานอายุ 5 ขวบที่มาพักที่บ้านเกิดร้องตกใจขึ้นมา เพราะเห็นคุณเจิดนั่งร้องไห้อยู่ที่หัวบันได ในสภาพที่ตัวดำเป็นตอตะโก เมื่อได้ยินดังนั้น คุณติ๋มกับคุณจอยจึงรีบขึ้นไปดูตรงจุดที่หลานเห็น แต่ก็ไม่พบใคร พบแต่เพียงเถ้าถ่านสีดำ ๆ ตกอยู่จำนวนมาก เมื่อนำขึ้นมาดม คุณติ๋มก็มั่นใจว่านี่เป็นกลิ่นไหม้ของตัวสามีแน่นอน เพราะเธอได้เข้าไปรับศพของสามีแล้วจำกลิ่นติดจมูกนั้นได้ และเชื่อว่าเด็กคงไม่โกหก เพราะเด็กไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเจิดเสียชีวิตแล้ว

            ขณะที่คุณจอยก็รับรู้ได้เช่นกันว่าคุณพ่อกลับมาที่บ้าน เพราะในคืนวันหนึ่งที่เธอนอนอยู่กับแม่และหลานในห้อง แต่เมื่อเธอพลิกตัวหันกลับมาก็เห็นคุณพ่อนอนตะแคงกอดแม่อยู่ ส่วนอีกคืนก็เห็นเงาดำ ๆ อยู่บนตัวแม่ จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นคุณพ่อกลับมาหา 

            ทั้งนี้ หากเป็นไปได้ ทางคุณติ๋มก็อยากจะขอโทษคุณเจิด เพราะเธอรู้สึกผิดและเสียใจมากที่ไม่ยอมประกันตัวสามีออกมาในคืนนั้น ทำให้เขาต้องถูกไฟคลอกเสียชีวิต ทางรายการคนอวดผี จึงเชิญ ริว จิตสัมผัส มาช่วยบรรเทาทุกข์ในเรื่องนี้

คนอวดผี ตอน ไฟไหม้โรงพักไทรน้อย...คลายทุกข์วิญญาณในห้องขัง

            เมื่อ ริว มาถึงแล้วได้พยายามสัมผัสวิญญาณ และสามารถรับรู้ได้สองคำ คือ "พี่ขอโทษที่เอาแต่ใจ" เพราะตอนนี้คุณเจิดกำลังร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิดต่อคุณติ๋มเป็นอย่างมาก และบอกด้วยว่าหากเขาไม่เอาแต่ใจในวันนั้น เหตุการณ์ในวันนี้ก็จะไม่เกิด ส่วนอีกคำคือ "พี่ห่วงลูกมาก" เพราะตอนนี้ลูกสาวกำลังรู้สึกสูญเสียและเคว้งคว้างมาก เพราะเป็นคนโหยหาความรัก พ่อจึงอยากให้ลูกหนักแน่น ช่วยดูแลแม่และน้อง อย่าฟังคำที่คนอื่นพูดมากเกินไป

            เมื่อได้ฟังแล้ว คุณติ๋ม ก็รู้สึกผิดไม่ต่างไปจากคุณเจิด จึงอยากขอโทษสามี เพราะไม่คิดว่าแค่ไม่ประกันตัวออกมาจะทำให้เกิดเรื่องราวขนาดนี้ และหากย้อนเวลากลับไปได้ เธอก็ต้องประกันตัวสามีออกมาจากห้องขังให้ได้ ซึ่งระหว่างนั้น ริว ก็บอกว่า คุณเจิดได้ตอบกลับมาว่า "อย่าโทษตัวเอง" เพราะคุณติ๋มพยายามห้ามแล้ว แต่คุณเจิดกลับไม่เคยฟัง และไม่เคยโทษคุณติ๋มเลย

            คุณติ๋ม ได้เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า ปกติแล้วสามีเป็นคนใจร้อนมาก ซึ่งเธอก็ต้องคอยห้ามสามีบ่อย ๆ โดยเฉพาะเวลาดื่มเบียร์แล้วเมาที่จะมีใครมากระทบไม่ได้เลย ยับยั้งชั่งใจไม่ได้เลย ทำให้เธอต้องคอยห้ามทุกเรื่อง ริว จึงปลอบว่า วิบากกรรมของคุณเจิดมีอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องอารมณ์ และขอให้คุณติ๋มอย่าโทษตัวเอง เพราะวันนั้นแม้ว่าจริง ๆ เธอจะช่วยได้ แต่ไม่ได้ช่วย ก็เป็นเพราะมันถึงเวลาของคุณเจิดแล้ว และตอนนี้คุณเจิดก็ไปอยู่ในที่ที่ครอบครัวทำบุญส่งไปให้แล้ว

            ในตอนท้าย ริว จิตสัมผัส ได้ให้คำแนะนำว่า มนุษย์เราทุกคนสามารถเจอเหตุการณ์การสูญเสียได้ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าเราไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว เราไม่มีทางจะให้สิ่งนั้นกลับฟื้นคืนมาได้ ดังนั้น คนที่อยู่ต่อต้องคอยประคับประคองจิตใจให้เข้มแข็งแล้วเดินต่อไป และคอยดูแลสิ่งที่เขาสร้างมาให้ยังคงอยู่เหมือนที่เขาหวงแหน ส่วนโลกของดวงวิญญาณไม่มีอะไรจริง ไม่มีอะไรไม่จริง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่เราจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เราไม่สามารถพิสูจน์ได้เพราะเราไม่ได้เห็นเอง พร้อมกับฝากให้คุณจอยคอยดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุดตามที่พ่อฝากฝังไว้





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คนอวดผี ตอน ไฟไหม้โรงพักไทรน้อย...คลายทุกข์วิญญาณในห้องขัง โพสต์เมื่อ 3 ตุลาคม 2556 เวลา 16:06:04 47,148 อ่าน
TOP