หุบเขาสยองหวีดมรณะ WOLF CREEK
หนังเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยการขึ้นตัวหนังสือบรรยายว่า ในแต่ละปีมีคนสูญหายเป็นจำนวนมากในออสเตรเลีย บางคนสูญหายไปแล้วมาพบตัวภายหลัง แต่บางคนก็หายไปโดยไม่มีใครพบเห็นอีกเลยและเรื่องคนสูญหายในออสเตรเลียก็คือประเด็นสำคัญที่ถูกนำเสนอในหนัง
หนังนำเสนอให้เห็นกรณีตัวอย่างของคนที่สูญหาย โดยบอกให้รู้ว่าพวกเขาหายไปได้อย่างไร
wolf Creek เล่าเรื่องราวของหนึ่งหนุ่มสองสาวที่ขับรถเดินทางท่องเที่ยวในออสเตรเลีย แล้วพบกับบุคคลและสถานการณ์บางอย่างที่ทำให้เกิดการสูญหายขึ้น
หนังเริ่มต้นด้วยบรรยากาศที่สดใส โดยให้เห็นภาพนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวผู้ต้องการหาประสบการณ์จากการเดินทาง เมื่อหนังผ่านพ้นช่วงประมาณ 15 นาทีแรก คนดูน่าจะพอมองเห็นลักษณะที่น่าจะเป็นอยู่ 2 อย่างเกี่ยวกับแนวเนื้อหาของหนัง
อย่างแรก คือเรื่องรักของหนึ่งชายสองหญิง
อย่างที่สอง ได้แก่หนังประเภทการเดินทางบนท้องถนน
แต่หลังจากที่ตัวละครต้องพบกับสถานการณ์ติดกับดักบรรยากาศของหนังก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งอาจจะทำให้คนดูเกิดความรู้สึกประหลาดใจไปจนถึงขั้นช็อกได้เลย
ผมคงจะไม่บรรยายว่าพวกเขาได้พบใคร และอะไรที่ทำให้พวกเขาและเธอ (รวมทั้งคนดู) เกิดอาการช็อก แต่อยากจะตั้งข้อสังเกตและให้ข้อมูลบางอย่างเพื่อให้เข้าใจเหตุการณ์และเรื่องราว
ประเด็นที่พอจะมองเห็น ได้แก่ การนำเสนอให้เห็นภาพภูมิประเทศที่เป็นที่โล่งกว้าง และแทบไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ เมื่อตัวละครติดกับดักและถูกคุกคาม พวกเขาจึงเหมือนอยู่ตามลำพัง และด้วยลักษณะทางด้านภูมิประเทศตามที่ได้บรรยายไปก็เลยทำให้บางคนใช้ประโยชน์ด้วยการดักทำร้ายหรืออาจจะเรียกได้ว่า "ล่า" พวกนักท่องเที่ยว
เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยอ่านหนังสือพิมพ์ที่ซิดนีย์ ซึ่งลงข่าวการค้นพบศพหลายรายที่ถูกยิงที่ศีรษะ โดยสถานที่พบศพนั้นทำให้ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่คาดว่า ผู้ที่ลงมือสังหารน่าจะเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่งออกล่านักท่องเที่ยวอยู่ภายในอาณาเขตหนึ่ง ซึ่งเรื่องราวที่ได้อ่านจากหนังสือพิมพ์ก็คล้ายกับที่ปรากฏในหนังเรื่องนี้ (หนังบอกให้รู้ด้วยว่าสร้างจากเหตุการณ์จริง)
ในแง่เนื้อหา นอกจากประเด็นคนหายในดินแดนที่ห่างไกลในออสเตรเลียแล้ว หนังมีแนวเรื่องไม่ต่างไปจากหนังสยองขวัญหลายเรื่อง เช่น เรื่องราวประเภทรถเสียกลางป่า แล้วต้องเจอกับพวกนักล่ามนุษย์ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้กลับมีรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่าง ความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนก็คือการนำเสนอด้วยสไตล์เหมือนจริง
ทางผู้สร้างไม่พยายามแต่งเติมองค์ประกอบในหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านภาพและเสียง หนังจึงออกมาแบบกึ่งสารคดี ซึ่งทำให้ได้บรรยากาศแบบเหมือนจริงมาก แต่ด้วยความที่ไม่พยายามปรุงแต่ง หนังอาจจะดูไม่ตื่นเต้นระทึกใจตามแบบหนังฮอลลีวู้ด สำหรับคนที่คุ้นเคยกับการถูกกระตุ้นด้วยภาพและเสียง อาจจะง่วงนอนได้ในช่วงแรก
ผมเชื่อว่าคงมีหลายคนที่คิดว่าหนังราบเรียบ แต่ก็เชื่อว่าเมื่อหนังถึงช่วงที่เน้นความน่ากลัว คนดูก็น่าจะตื่นเต้นตกใจไปกับบรรยากาศ
อีกอย่างที่ผมอยากชี้ให้เห็นว่าเป็นจุดเด่น ได้แก่ การถ่ายภาพภูมิประเทศ ซึ่งมีทั้งภาพที่สวยงาม และภาพสถานที่เปิดโล่งซึ่งดูเปลี่ยวร้างและสร้างความรู้สึกน่าหวาดกลัว เห็นสถานที่และภูมิประเทศแล้วทำให้อยากจะเรียกว่านี่คือ Japanese Story ฉบับสยองขวัญ
เมื่อมองในแง่การเลือกประเด็น การนำเสนอและการเลือกใช้สไตล์ ผมมองว่าหนังเรื่องนี้เป็นงานสร้างสรรค์และสำหรับคนดูที่ห่างเหินกับหนังออสเตรเลีย แนะนำว่าจะไปพบเพื่อทำความรู้จักและสร้างความคุ้นเคย
ผู้กำกับฯ - เกร็ก แม็กลีน