ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra
ไทย-จีน ถกชื่นมื่น จับมือลงนาม MOU 6 ฉบับ นายกฯ จีน ลั่น เตรียมนำเข้าข้าวไทย-ยางพาราเพิ่ม เล็งยกเลิกวีซ่านักท่องเที่ยว หนุนไทยสร้างรถไฟความเร็วสูง
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม เวลา 16.45 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีต้อนรับนายหลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 11-13 ตุลาคม พร้อมนำตรวจแถวกองเกียรติยศ
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือข้อราชการ นางสาวยิ่งลักษณ์ และนายหลี่เค่อเฉียง ได้ร่วมลงนามข้อตกลง 6 ฉบับ ได้แก่
1. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการความร่วมมือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย ที่เชื่อมโยงกับการชำระค่าใช้จ่ายด้วยสินค้าเกษตร 2. ความร่วมมือระหว่างสำนักคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทยและธนาคารเพื่อการพัฒนาของจีน 3. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน 4. ความตกลงการส่งเสริม 4 โครงการความร่วมมือภายใต้โครงการความเป็นหุ้นส่วนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาเซียน-จีน 5. แผนปฏิบัติการ 5 ปี ความร่วมมือทางทะเลไทย-จีน 6. แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรม ระหว่างปี 57-59จากนั้นมีการแถลงการณ์ร่วมกัน โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่าย ยินดีส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทย-จีน โดยจะร่วมมือกันส่งเสริมการค้าระหว่างกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายมูลค่าการค้ารวม 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2015 ในด้านสินค้าเกษตร โดยไทยให้ความสำคัญกับการขยายการส่งออกสินค้าเกษตร อาทิ ข้าว ยางพารา ในการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจการค้าไทย-จีน ในปีนี้
นอกจากนี้ ไทยเสนอให้นักลงทุนจีน มาตั้งโรงงานที่ใช้สินค้าเกษตรเป็นวัตถุดิบในไทย อาทิ โรงงานแปรรูปยางพารา และเชิญชวนให้จีนเข้ามาเป็นโบรกเกอร์ในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทย และประสงค์ให้มีการจัดตั้งธนาคารเพื่อการชำระเงินหยวนในการซื้อขายสินค้าและการทำธุรกรรมอื่น ๆ ขณะที่ทางกระทรวงพาณิชย์จีน อยู่ระหว่างการพิจารณานำเข้าข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง จากไทยเพิ่มเติม
ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความเชื่อมโยงในภูมิภาค ทั้งสองฝ่าย พร้อมสนับสนุนจัดตั้ง "ธนาคารเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย" เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายคมนาคมของภูมิภาค และยินดีจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางธรรมดาไทย-จีน เพื่อส่งเสริมในการเดินทาง ประโยชน์ด้านการค้า และการท่องเที่ยวระหว่างกัน ทั้งนี้ ไทย ขอจีนเปิดสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครชิงเต่า ขณะที่จีนขอเปิดสถานกงสุลที่ จ.ภูเก็ต
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ได้ให้การต้อนรับนายหลี่เค่อเฉียง ที่รัฐสภา ซึ่ง นายกฯ จีน ได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของประธานรัฐสภา ท่ามเสียงปรบมือต้อนรับของสมาชิกรัฐสภาไทย
ในโอกาสนี้ นายกฯ จีนได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้วได้มีโอกาสเดินทางไทยและประทับใจเป็นอย่างมาก ทั้งสองประเทศมีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดความแน่นแฟ้นและมีความสัมพันธ์ที่ดีตลอด 30 ปีที่ผ่านมา จนอาจกล่าวได้ว่าไทยและจีนเป็นพี่น้องกัน และมีมิตรภาพลึกซึ้งกันมากกว่าประเทศอื่น ๆ
ส่วนความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจ จะต้องทำให้เกิดความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยจีนจะนำเข้าข้าวจากไทย 1 ล้านตัน และนำเข้ายางพาราเพิ่มขึ้น และจะมีการสร้างกลไกการจัดการขึ้นมาเพื่อความสัมพันธ์ทางด้านการค้าการเกษตร
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีของจีน ยังเสนอให้ยกเลิกวีซ่าสำหรับหนังสือเดินทางธรรมดาของไทย ซึ่งเป็นการตอบสนองความต้องการของรัฐบาลไทย เพื่อจะทำให้ประชาชนไปเดินทางไปจีนง่ายขึ้น
ส่วนเรื่องการสร้างรถไฟความเร็วสูงของไทยนั้น จีนมีองค์ความรู้ที่จะถ่ายทอดให้กับประเทศไทย เพราะเชื่อว่ารถไฟความเร็วสูงจะยกระดับความเป็นอยู่ให้กับประชาชนได้ ซึ่งจีนหวังว่านายกรัฐมนตรีของไทยจะไปร่วมงานนิทรรศการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อหารือกันอย่างเป็นรูปธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้
"อยากให้ทุกท่านร่วมมือกันยกมือผ่านกฎหมายนี้ เพราะอยากให้ประชาชนและผู้คนต่าง ๆ ในอาเซียนมีความเป็นอยู่ที่ดี ที่พูดมานี้ไม่ได้มาหาเสียงเพื่อให้มาลงคะแนนผ่านกฎหมายฉบับนี้ แต่อยากให้ลงคะแนนเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน" นายกฯ จีนระบุ
ต่อมาที่ประชุมรัฐสภามีมติเอกฉันท์ 477 เห็นชอบกับบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลจีน ลาว ไทย ในการเริ่มใช้ความตกลงระหว่างรัฐบาลกัมพูชา จีน ลาว เมียนมาร์ ไทย และเวียดนาม เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและบุคคลข้ามพรมแดนที่จุดผ่านแดนเชียงของไทย และห้วยทรายของลาว และจุดผ่านแดนบ่อเต็นของลาวและโมฮานของจีน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
