มัลลิกา บุญมีตระกูล (แฟ้มภาพ)
กิตติรัตน์ ณ ระนอง (แฟ้มภาพ)
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Kittiratt Na-Ranong (กิตติรัตน์ ณ ระนอง)
มัลลิกา เตรียมยื่นหลักฐานถอดถอน กิตติรัตน์ จาก รมว.คลัง แฉกำกับธนาคารอิสลามผิดพลาด-แทรกแซงการทำงาน-อนุมัติสินเชื่อผิดปกติ จนเกิดหนี้เสียกว่า 2 หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนเตรียมยื่นให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎรให้ตรวจสอบกรณี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กรณีเข้าแทรกแซงการดำเนินการของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ ไอแบงก์ โดยพบว่ามีรายงานผลการดำเนินงานของธนาคารอิสลามเกิดความผิดพลาด และมีการแทรกแซงการทำงานโดยมีการแต่งตั้งบุคคลภายนอกเข้าเป็นที่ปรึกษา และมีการอนุมัติสินเชื่อที่ผิดปกติในรอบระยะเวลา 2 ปีที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ และในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมาทำให้ผลประกอบการของธนาคารเลวร้ายต่ำกว่าปี 2555 โดยเป็นหนี้เสียกว่า 2 หมื่นล้านบาท
โดย น.ส.มัลลิกา ได้นำหนังสือลาออกจากกรรมการไอแบงก์ และรักษาการผู้จัดการไอแบงก์ ของนายธงรบ ลงวัน 1 ตุลาคม 2556 ซึ่งมีเนื้อหาแฉถึงความล้มเหลวการบริหารของธนาคารฯ อย่างละเอียด มาประกอบการแถลงข่าว โดยในเอกสารดังกล่าวระบุว่าในปลายปี 2555 ธนาคารได้ประสบปัญหาหนี้เน่าจำนวน 2.4 หมื่นล้านบาท และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปี 2556 เดือนมกราคม-มิถุนายน หนี้เน่าเพิ่มถึง 1.8 หมื่นล้าน ภายในเวลาเพียงแค่ 8 เดือน ทำให้ยอดหนี้เพิ่มเป็น 4.2 หมื่นล้านบาท
แต่ธนาคารได้แก้ปัญหาด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้มากกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท แต่ก็ประสบปัญหาการถอนเงินออกจากธนาคารอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2555 จนถึงจุดต่ำสุดในเดือนมิถุนายน เหลือเงินฝากในธนาคารไม่ถึง 5 พันล้านบาท มีเงินหมุนเวียนในแต่ละวันไม่ถึง 6 พันล้านบาท แต่ในเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2556 ผลประกอบการกลับฟื้นขึ้นมา ทำให้มีเงินสดมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท ถือว่าอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ในเอกสาร นายธงรบ ได้ชี้แจงถึงสาเหตุที่ทำให้ธนาคารประสบปัญหาโดยละเอียด จนทำให้สถานการณ์ของไอแบงก์ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงจุดต่ำสุด ทำให้พนักงานกว่า 1,400 คน เข้าชื่อทำหนังสือร้องเรียนเพื่อให้มีการสอบสวนผู้บริหารของธนาคารรายหนึ่ง แต่นายกิตติรัตน์กลับปกป้อง โดยสั่งให้ชะลอและสั่งยุติการสอบสวน อีกทั้งการดำเนินการของธนาคาร ยังไม่ได้บริหารตามวัตถุประสงค์ของการตั้งธนาคารอิสลามที่เน้นร่วมลงทุนและแบ่งกำไรอย่างยุติธรรม แต่กลับดำเนินการในรูปแบบเดียวกับธนาคารพาณิชย์ ทำให้ชาวมุสลิมขาดความเชื่อถือ ส่งผลให้มีการใช้บริการจากชาวมุสลิมเพียง 10% ของลูกค้าทั้งหมด ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ขาดทุนจนต้องเพิ่มทุนทุก 3 ปี และ 5 ปี เพราะไม่มีศักยภาพมากพอที่จะไปแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ได้
ในเอกสารยังได้โจมตีการกำกับดูแลของนายกิตติรัตน์ ว่ามีทัศนคติที่ผิดพลาด แทรกแซงการดำเนินธุรกรรม โดยไม่ใช้เหตุผลข้อเท็จจริงในการกำกับดูแล อาศัยความเชื่อและคำบอกเล่าในการตัดสินใจ ทำให้ธนาคารต้องกลับมามีปัญหาอีกครั้ง
ทั้งนี้ น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า จะยื่นเรื่องเข้าสู่กระบวนการถอดถอน นายกิตติรัตน์ และขอเรียกร้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาทำหน้าที่ รมว.คลังแทน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก