สื่อนอกชี้คนไทยลุกฮือคัดค้านนิรโทษ สัญญาณจุดจบยุคทักษิณ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจาก PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP, CHRISTOPHE ARCHAMBAULT / AFP

          สื่อต่างประเทศตีข่าว ประชาชนลุกฮือคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอย่างหนักและมากขึ้นเรื่อย ๆ ชี้นี่อาจเป็นสัญญาณของจุดจบยุคสมัยทักษิณแล้ว

          เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2556 สำนักข่าวต่างประเทศแห่งใหญ่ ๆ หลายแห่ง เผยแพร่ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการลุกฮือของมวลชนเพื่อต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในไทยว่า นี่อาจเป็นสัญญาณของจุดจบยุคสมัยทักษิณ ทำให้ความหวังที่จะกลับแผ่นดินเกิดนั้นริบหรี่ลงอีก

          โดยทางสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า การผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้จุดกระแสมวลชนให้ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านกันทุกพื้นที่ เพราะประชาชนเกรงว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้จะเอื้อให้อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ผู้มีคดีทุจริตติดตัวหลายคดีและลี้ภัยอยู่ที่ต่างประเทศในขณะนี้ ได้กลับแผ่นดินเกิดอีกครั้งโดยไม่ได้รับการลงโทษใด ๆ จากความผิดที่เคยกระทำไว้ และหลายวันผ่านไป ประชาชนจากทุกภาคส่วนก็ลุกขึ้นมาแสดงพลังต่อต้านกันมากขึ้น โดยชุมนุมเดินขบวนตามถนนหนทางและสถานที่ต่าง ๆ

          จากคำให้สัมภาษณ์ของผู้คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รายหนึ่ง ระบุว่า มีหลายการกระทำของรัฐบาลนี้ที่ทำให้พวกเขาทนไม่ได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการคอร์รัปชั่น และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พวกเขาอยากให้รัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ และมีผลบังคับใช้กับคนทุกคนไม่มียกเว้นกับคนบางกลุ่ม


          ด้าน ฟอร์บส์ นิตยสารชื่อดังระดับโลก ก็ได้เปิดเผยบทความชิ้นล่าสุดที่ระบุว่า ประชาชนไทยได้ลุกขึ้นปกป้องความชอบธรรมกันเป็นจำนวนมาก หลังจากที่พวกเขาเห็นชัดว่ารัฐสภาไทยอ่อนแอ ไม่อาจพึ่งพาได้ ผลักดันกฎหมายล้างผิดที่เอื้อให้อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณได้กลับประเทศอย่างใสซื่อมือสะอาด และการลุกฮือออกมาประท้วงคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในครั้งนี้ นับว่าเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุประท้วงนองเลือดในปี พ.ศ. 2553

          นอกจากนี้ ฟอร์บส์ ยังระบุอีกว่า การออกมาประท้วงคัดค้านของมวลชนครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของรัฐสภาไทยที่ถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า การได้ถือครองเสียงข้างมากของพรรคการเมืองของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณนี้ มาจากประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้าใจในประชาธิปไตยและถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเลือกตั้ง

          ขณะที่วอลล์สตรีทเจอร์นัล ได้เปิดเผยบทวิเคราะห์จากพีเอสพี เอเชีย บริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงและความปลอดภัยในกรุงเทพฯ ที่ระบุใจความที่น่าสนใจว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นี้ถือเป็นความผิดพลาดของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดยุคทักษิณในการเมืองไทย ประเทศไทยอาจจะกลับสู่ภาวะยุ่งเหยิงวุ่นวายอีกครั้ง เพราะมีหลายพรรคหลายแกนนำตะเกียกตะกาย และประนีประนอมกันทุก 3-4 ปี เพื่อรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลผสม


          อนึ่ง สำหรับการออกมาประท้วงคัดค้านของมวลชนในครั้งนี้ นับว่าสร้างความกังวลให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่กลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลเท่านั้น แต่พันธมิตรคนเสื้อแดงผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณเอง ก็ออกโรงคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้เช่นกัน เพราะพวกเขาเห็นว่า พ.ร.บ. นี้ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พ้นผิดจากเหตุปะทะในกรุงเทพฯ ปี พ.ศ. 2553 ซึ่งการคัดค้านจากกลุ่มคนเสื้อแดงนี่เอง ที่แสดงให้เห็นรอยร้าวภายในกลุ่มชัดเจน และนั่นอาจทำให้โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือกตั้งในครั้งหน้ามีน้อยลงมาก

          อย่างไรก็ดี ทางฝั่งสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกา ได้อ้างคำสัมภาษณ์ของนายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ นักรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ระบุว่า การคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้ ทำให้อดีตนายกฯ ทักษิณและนายกฯ ยิ่งลักษณ์ อ่อนเสถียรภาพลง ส่งผลให้โอกาสในการกลับคืนแผ่นดินเกิดของอดีตนายกฯ ผู้นี้ ยิ่งห่างไกลออกไปอีก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยก็ยังคงถือไพ่เหนือกว่าทางการเมืองอยู่ เพราะทักษิณยังได้รับความนิยมจากประชาชนในชนบทจำนวนมาก