เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
อดีตทหารพรานโรคจิต คลั่งเหตุการณ์สลายชุมนุม 53 ประดิษฐ์ปืนคล้ายสไนเปอร์ซุ่มยิงชาวบ้าน เหยื่อรายแรกเป็นแม่ค้าขายผัก โดยส่งเสียงน่ารำคาญทำให้นอนไม่หลับ จึงหยิบปืนมาซุ่มยิงเสียชีวิต ด้านลูกชายผู้ตายเห็นแม่ล้ม จึงร้องเสียงดัง ยิงซ้ำไปอีกนัดแต่บาดเจ็บสาหัส หลังยิงรู้สึกภาคภูมิใจ และดักซุ่มยิงชายขี้เมาที่ส่งเสียงดังอีก แต่กระสุนพลาดเป้า ได้รับบาดเจ็บ เผยถ้าไม่ถูกจับจะซุ่มยิงเพื่อนบ้านที่เสียงดังให้หมด
จากกรณีที่ นางอารมณ์ ทองประพันธ์ อายุ 49 ปี แม่ค้าผักที่ฐานะดี ชาวนครศรีธรรมราช ถูกคนร้ายซุ่มยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .22 เสียชีวิต โดยกระสุนทะลุลำคอไปโดน เด็กชายชินวัตร ผกากรอง อายุ 11 ปี บุตรชาย อาการสาหัส ขณะที่นั่งกินข้าวกันอยู่บริเวณหน้าบ้าน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา และในคืนที่ 5 พฤศจิกายน คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนขนาดเดียวกัน ซุ่มยิง นายวิชัย กาญจนณรงค์ อายุ 48 ปี ชาวนครศรีธรรมราช ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยที่เกิดเหตุนั้น ห่างจากจุดแรกที่ยิงนางอารมณ์เพียง 100 เมตรเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคาดว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกัน
ส่วนความคืบหน้าคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมคนร้าย คือ นายปรีชา คุมพวกมิตร หรือ "เตี้ย ไสคา" อายุ 40 ปี อาศัยอยู่ในกระท่อมไม่มีเลขที่ หมู่ 4 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช โดยถูกจับกุมได้พร้อมของกลาง คือ ปืนยาวไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก ติดกล้องเล็งและแปลงปลายกระบอกเก็บเสียง กระสุนปืนขนาด.22 จำนวน 32 นัด หมวกไหมพรม 1 ใบ และถุงมือ 1 คู่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุก็ได้สืบสวนจนพบตัวผู้ต้องสงสัย คือ นายปรีชา ซึ่งมีพฤติกรรมเก็บตัวไม่สุงสิงกับใครและอาศัยเพียงผู้เดียว อีกทั้งในตอนกลางคืนยังชอบแบกอาวุธเดินเที่ยวไปทั่วหมู่บ้าน จึงได้เชิญตัวมาสอบสวน แต่นายปรีชากลับปฏิเสธไม่รู้เรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น จนกระทั่งชาวบ้านได้แจ้งว่าพบอาวุธปืนซุกซ่อนอยู่ในท่อระบายน้ำ จึงเดินทางไปตรวจสอบ และมีพยานยืนยันด้วยว่า อาวุธปืนและของกลางเป็นของนายปรีชา ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐานเพื่อขอหมายจับกุมในที่สุด
จากการสอบสวนนายปรีชา ให้การรับสารภาพว่า ชีวิตนี้ตนไม่มีใคร ญาติพี่น้องก็ไม่มี แถมหน้าตายังขี้เหร่ รูปชั่วตัวดำ ทำให้ไม่มีภรรยาและไม่มีลูก อาศัยอยู่ตัวคนเดียว เลยเก็บกดมาตลอด ส่วนอดีตนั้นเคยเป็นนายหารพราน ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเมื่อกลับมาอยู่บ้านก็รับข้างขนไม้ยางพาราและชอบอยู่เงียบ ๆ เพียงคนเดียว ไมชอบเสียงดัง
นายปรีชา กล่าวด้วยว่า ตนติดตามข่าวเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองช่วงปี 2553 ที่มีการสลายการชุมนุมด้วยการใช้สไนเปอร์ซุ่มยิง ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทำให้ตนใฝ่ฝันอยากยิงสไนเปอร์บ้าง จึงได้ประดิษฐ์อาวุธปืนยาวขนาด .22 ติดลำกล้องเล็งเหมือนปืนสไนเปอร์ นอกจากนี้ ตนยังได้ประดิษฐ์ติดกล่องเก็บเสียงติดที่ปลายกระบอกปืน หลังจากทำเสร็จแล้วได้นำมาทดลองยิง ก็พบว่า สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถยิงได้แม่นเหมือนจับวาง และยังไม่ได้ยินเสียงปืนอีกด้วย
สำหรับสาเหตุที่ลงมือฆ่านางอารมณ์เพื่อบ้านนั้น เนื่องจากมักมีชาวบ้านนัดมาเล่นการพนัน ส่งเสียงดังน่ารำคาญอยู่เป็นประจำ ซึ่งก่อนเกิดเหตุที่บ้านนางอารมณ์มีชาวบ้านมานั่งรวมตัวกันประมาณ 10 คนและส่งเสียงดังจนตนนอนไม่กลับ เลยโกรธจัดคว้าอาวุธซุ่มยิงจากเป้าสังหารประมาณ 10 เมตร แต่ก็ไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะยิงใคร คิดว่าใครที่อยู่ในรัศมีชัดเจนที่สุดก็จะยิงคนดังกล่าว และเมื่อเล็งกระบอกปืนก็พบนางอารมณ์อยู่ในวิถีกระสุนที่ชัดเจนจึงเหนียวไกสังหารจนล้มแน่นิ่งไป ด้านลูกชายเห็นแม่ล้มก็ร้องเสียงดัง จึงยิงลูกชายไปอีก 1 นัด จนฟุบลงไปอีกคน
นายปรีชา กล่าวอีกว่า ความรู้สึกหลังสวมบทมือปืนสไนเปอร์ ยิงแม่ลูกคนล้มลงไปนั้น ทำให้คนรู้สึกภูมิใจมาก และคิดว่าจะต้องแอบซุ่มยิงใครก็ได้อีก เพราะตอนยิงโดนเป้าหมายแล้วรู้สึกมันส์มาก จนกระทั่งพบว่า นายวิชัย กาญจนณรงค์ ชอบเมาเหล้าและส่งเสียงดังโวยวาย ทำให้คนหนวกหูนอนไม่หลับ จึงตัดสินใจซุ่มยิงนายวิชัย โดยเป้าหมายอยู่ที่ศีรษะ แต่บังเอิญว่านายวิชัยเกิดขยับตัวก่อน ทำให้กระสุนพลาดเป้าไปโดนแก้มแทน ซึ่งตนรู้สึกเสียดายมาก ๆ ที่พลาดเป้าหมายที่ต้องการ
ท้ายนี้ นายปรีชา ยังกล่าวอีกว่า ที่ยิงคนไป 3 คนนั้น ไม่ได้มีความโกรธแค้นแต่อย่างใด เพียงแต่ตนไม่ชอบเสียงดัง ชอบความสงบ เมื่อมีคนมาส่งเสียงดังก็รู้สึกรำคาญ เลยต้องหาทางระบาย และเมื่อก่อเหตุแล้วรู้สึกความสุขมาก ซึ่งหากไม่ถูกจับกุมก็จะยิงเพื่อนบ้านที่ส่งเสียงดังต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
