สื่อนอก ฟันธง ทักษิณ เดินเกมพลาด ไม่ได้กลับไทยแน่

แม้วไม่ได้กลับ สื่อนอกฟันธง เดินเกมพลาด (ไทยโพสต์)

          สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ ภูมิทัศน์การเมืองไทยยังร้อนแรง ส่งสัญญาณอดีตนายกฯ ทักษิณไม่ได้กลับเมืองไทยในเร็ววันแน่ ชี้รัฐบาลน้องสาวและพรรคเพื่อไทยเดินหมากพลาด บ่งบอกทักษิณอาจสูญเสียความสามารถในการกุมบังเหียนการเมือง
   
          เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 สำนักข่าวเอพีรายงานบทวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองของไทย ภายหลังรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย พยายามผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ที่ทำให้ฝ่ายต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกโค่นอำนาจและหลบหนีการรับโทษไปใช้ชีวิตต่างแดน ออกมาชุมนุมประท้วงเป่านกหวีดในกรุงเทพฯ ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

          โดยเอพีให้หัวข่าวว่า "การกลับบ้านยังเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อมของอดีตผู้นำไทยรายนี้" ขณะที่วอชิงตันโพสต์นำข่าวชิ้นเดียวกันมาลง และพาดหัวว่า "ภูมิทัศน์ทางการเมืองของไทยยังร้อนแรงเกินกว่าที่อดีตนายกฯ ทักษิณจะกลับบ้าน"
   
          รายงานกล่าวว่า ทักษิณรอคอยการกลับบ้านอย่างอิสรชนมานาน 5 ปี โดยช่วง 2 ปีล่าสุดเมืองไทยยังน้องสาวเขาเป็นผู้นำด้วยซ้ำ แต่การชุมนุมประท้วงอย่างกว้างขวางทำให้การรอคอยของเขายังห่างไกลจากการสิ้นสุด นักวิเคราะห์หลายรายให้ความเห็นว่า ความผิดพลาดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยยังบ่งชี้ด้วยว่า ทักษิณผู้มีอิทธิพลทางการเมืองมากสุดในประเทศนี้ อาจกำลังสูญเสียอำนาจในการควบคุมการเมืองไทย
   
          "ผมคิดว่า บางทีนี่หมายถึงคุณทักษิณอาจสูญเสียความสามารถในการคำนวณหรือการทำนายภูมิทัศน์ทางการเมืองของไทย" นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการอิสระ กล่าวกับเอพี

   


          ขณะที่นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า "นี่คือปัญหาของทักษิณ... เขาใจร้อนเกินไป แล้วก็ทำผิดพลาด"
   
          เอพี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่ทักษิณจะผิดหวัง การสนับสนุนพรรคการเมืองที่หนุนหลังเขาจนชนะเลือกตั้งในปี 2550 และ 2554 การให้เงินอุดหนุนพวกเสื้อแดงรากหญ้า และอาจจะรวมถึงการทำความตกลงใต้โต๊ะอีกหลายครั้ง น่าจะทำให้นักการเมืองอภิมหาเศรษฐีรายนี้สูญเงินไปหลายล้านดอลลาร์ แต่เขากลับไม่สามารถรอดพ้นความเสี่ยงที่จะต้องกลับมาติดคุกได้
   
          สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกรัฐประหารโค่นอำนาจเมื่อปี 2549 ภายหลังการชุมนุมประท้วงนำโดยคนชั้นกลางในกรุงเทพฯ ที่กล่าวหาเขาคอร์รัปชั่น ละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่เคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขาไม่เพียงสูญเสียความภาคภูมิ แต่ยังถูกยึดทรัพย์สินมากกว่าพันล้านดอลลาร์ การรัฐประหารทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างการเมืองสองฝ่ายมานานหลายปี หลายครั้งเป็นความรุนแรง

          กระทั่งถึงจุดตกต่ำสุดในปี 2553 เมื่อกองทัพปราบปรามผู้ชุมนุมเสื้อแดงทำให้มีคนล้มตายมากกว่า 90 คน ก่อนหน้านั้นในปี 2551 ตัวทักษิณถูกตัดสินในคดีผลประโยชน์ทับซ้อนและหนีโทษจำคุก 2 ปีไปใช้ชีวิตในต่างแดน และการเปิดช่องทางให้เขากลับบ้านกลายเป็นเรื่องสำคัญเงียบ ๆ อันดับแรกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
   


          รายงานกล่าวว่า หลังจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นกับกองทัพและสถาบัน เดือนที่แล้วรัฐบาลจึงยื่นกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภา ที่ฉบับดั้งเดิมไม่รวมเอาพวกแกนนำไว้ด้วย ครั้งนั้นมีเพียงกลุ่มต่อต้านทักษิณแบบฮาร์ดคอร์เท่านั้นที่เตือนว่า กฎหมายนี้จะเป็นการปูเสื่อให้ทักษิณกลับบ้าน ซึ่งพวกเขาคาดไว้ถูกต้อง

          หลังผ่านสภาในหลักการ คณะกรรมาธิการได้ปรับแก้ให้รวมนิรโทษกรรมทักษิณด้วย กลยุทธ์นี้ล้มเหลวอย่างหนัก ทำให้กระทั่งเสื้อแดงบางส่วนที่สนับสนุนเขายังไม่พอใจ เพราะร่างกฎหมายดังกล่าวไม่รวมนักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วย รวมถึงยังรวมพวกผู้นำรัฐบาลโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ปราบปรามประชาชนเมื่อปี 2553
   
          "ทักษิณได้ให้ทนายเขาเผยแพร่แถลงการณ์ อ้างว่ากฎหมายนิรโทษกรรมถูกวิจารณ์จนกลายเป็นประเทศการเมืองเพื่อให้ร้ายเขา มีการบิดเบือนว่าจะทำให้เขาได้เงินคืนและล้างผิดให้คนคนเดียว ทั้งที่จริงแล้วกฎหมายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งและคืนความยุติธรรมแก่เหยื่อการรัฐประหารปี 2549"
   
          รายงานกล่าวต่อว่า การประท้วงทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมถอย และวุฒิสภาลงมติคว่ำไปเมื่อวันจันทร์ แม้สภาผู้แทนฯ สามารถฟื้น พ.ร.บ.นี้ได้ใน 180 วัน แต่ยิ่งลักษณ์รับปากจะไม่ทำเช่นนั้น ขณะที่ฝ่ายต่อต้านทักษิณหวังใช้กระแสต้านนิรโทษกรรมโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปด้วย แต่เมื่อวุฒิสภาคว่ำร่าง วิกฤติการเมืองจึงลดลง การเรียกร้องอารยะขัดขืนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก กระนั้น นักวิเคราะห์ชี้ว่าทักษิณยังคงต้องรอคอยต่อไป
   
          "พรรคเพื่อไทยต้องรู้ว่า พวกเขาได้เรียนรู้บทเรียนอะไรจากความพยายามบังคับให้ประชาชนยอมรับพฤติกรรมของพวกเขา" นายปริญญา หนึ่งในนักวิชาการที่เชื่อเช่นเดียวกับอีกหลายคนว่าการคว่ำ พ.ร.บ.นี้ชะลอความหวังกลับไทยโดยเร็วของทักษิณ กล่าวกับเอพี
   
          ด้านนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต กล่าวว่า ถึงตอนนี้ ทักษิณต้องอยู่อย่างเงียบ ๆ แต่เขายอมรับว่าทักษิณยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการเมืองไทยอยู่
   
          เอพีอ้างคำกล่าวของ นายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยเขียนลงบางกอกโพสต์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยว่า หากถูกกดดันมากเกินไป ทักษิณอาจกดปุ่มเลือกตั้งก่อนกำหนด ซึ่งคาดว่าพรรคเพื่อนไทยของเขาจะชนะเลือกตั้งอีกก็เป็นได้





ขอขอบคุณข้อมูลจาก