เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก พรรคเพื่อไทย
เพื่อไทย ผิดหวัง นักวิชาการขึ้นเวทีม็อบเหมือนคนไร้วุฒิภาวะ จวก ดาราขึ้นเวทีหวังเป็นข่าวให้คนจ้างงาน พร้อมประณามผู้ใช้คำหยาบ หวั่นเยาวชนรับเอาความรุนแรงมาด้วย เชื่อ ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่ตัดสินปมที่มา ส.ว. เป็นลบ เพราะกลัวเติมเชื้อไฟให้ประเทศ
วันนี้ (16 พฤศจิกายน 2556) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่มีนักวิชาการไปขึ้นเวทีปราศรัยที่ราชดำเนิน เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่ถือว่าน่าผิดหวังที่นักวิชาการไปขึ้นเวทีปราศรัยไม่ต่างจากคนซึ่งไร้วุฒิภาวะ เพราะจริง ๆ แล้ว นักวิชาการควรตั้งข้อสังเกตที่อยู่บนพื้นฐานทางวิชาการ พูดกันด้วยเหตุผล เพื่อให้รัฐบาลนำไปปรับปรุง ไม่ใช่ขึ้นไปปราศรัยที่แสดงถึงการเสพติดความรุนแรง ความโง่เขลาเช่นกัน
ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ ระบุว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้ติดตามการปราศรัยของแต่ละคน พร้อมกับรวบรวมข้อมูลไว้ตลอด หากพบว่าใครพูดให้พรรคเสียหายจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ส่วนกรณีที่มีศิลปินดาราไปร่วมเวทีราชดำเนินด้วยนั้น รองโฆษกพรรคเพื่อไทย มองว่า ดาราที่ขึ้นไปปราศรัยก็ต้องรับผิดชอบตัวเองด้วย ถ้าไปพูดละเมิดใครก็ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเป็นดาราหมดอายุ หรือไม่มีใครจ้างแล้ว จะมาใช้เวทีเป็นเครื่องมือให้ตัวเองได้มีงาน หรือเป็นข่าว อย่างไรก็ตาม หากมีการละเมิดจริง ทางพรรคก็จะขอใช้การดำเนินคดีเป็นวิธีสุดท้าย เพราะดาราไร้อนาคตบางคนก็ถูกสังคมประณามไปเบ็ดเสร็จ
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยขอประณามการใช้ถ้อยคำหยาบคาย หรือพวกเสพติดความรุนแรง เพราะอาจทำให้เยาวชนที่เห็นรับเอาความรุนแรงมาด้วย
ขณะเดียวกัน นายอนุสรณ์ ยังพูดถึงการชุมนุมของเวทีประชาชน โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำด้วยว่า มีการยกระดับบ่อยเหลือเกิน จนสับสนไปหมด น่าสงสารนายสุเทพที่ไม่รู้ตัวว่าไปต่อไม่ได้ เพราะคนไม่มาร่วมแล้ว จะยกระดับอีกกี่ครั้งก็ไร้พลัง โอกาสของนายสุเทพหมดไปแล้วตั้งแต่รัฐบาลยอมถอย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
นายอนุสรณ์ ระบุต่อด้วยว่า ขณะนี้ ม็อบนี้เป็นม็อบพึ่งศาล ก่อนหน้านี้หวังพึ่งศาลโลกให้พิพากษาให้ไทยเสียดินแดน เพื่อยกระดับการชุมนุม แต่ศาลโลกก็ทำให้คนกลุ่มนี้ผิดหวัง จึงมาลุ้นต่อที่ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ มั่นใจได้เลยว่าคงจะเจ๊งอีก เพราะศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเป็นลบให้เกิดสูญญากาศหรือวิกฤตทางการเมืองได้อย่างไร เพราะเขาเห็นแบบอย่างที่ดีจากศาลโลกแล้ว และการให้อำนาจประชาชนเลือกตั้ง ส.ว. ก็ไม่ใช่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย หากตัดสินเลยจากกรอบนี้บ้านเมืองจะอยู่กันอย่างไร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, พรรคเพื่อไทย 
