x close

ชูวิทย์ ห่วง การเมืองบีบให้คนเลือกข้าง คิดต่างถือเป็นศัตรู




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm No.5

          ชูวิทย์ ห่วงสถานการณ์การเมืองไทย บังคับให้คนเลือกข้างเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ หากคิดต่างถือเป็นศัตรู ลั่น ตัวเองไม่เอาทั้งสองข้าง แต่ไม่เป็นศัตรูกับใคร
 
          เมื่อกลางดึกของวันที่ 16 พฤศจิกายน 2556 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เขียนข้อความในเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm No.5 แสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยว่า "หากคุณไม่เข้าข้างเรา ถือว่าเป็นศัตรูกับเรา"

          ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ระบุว่า การเมืองไทยในตอนนี้บังคับให้คนเลือกข้าง คือ พรรคเพื่อไทย กับ พรรคประชาธิปัตย์ หากใครไม่เลือกข้างเดียวกับเรา ก็จะถูกมองเป็นศัตรู ซึ่งตนเองนั้นถูกคนต่อว่ามามากว่าไม่มีจุดยืน ไม่ยอมเลือกข้าง แต่ตนยินดีให้ต่อว่า เพราะต้องจะขอไม่เลือกข้าง และไม่เอาทั้งสองข้าง เพราะรู้สึกเศร้าใจที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา นักการเมืองไม่เคยช่วยกันขับเคลื่อนประเทศชาติเลย

          อย่างไรก็ตาม นายชูวิทย์ บอกด้วยว่า ถึงตนจะไม่เลือกข้าง แต่ตนจะไม่เป็นศัตรูกับใคร แม้ว่าใครจะไม่ชอบตน ตนก็ยังรักคนนั้น

          "หากคุณไม่เข้าข้างเรา ถือว่าเป็นศัตรูกับเรา"

          สถานการณ์ในประเทศไทยขณะนี้ บีบบังคับให้เราต้อง "เลือกข้าง"

          ครั้งหนึ่ง ประธานาธิบดี "จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช" ของสหรัฐอเมริกา เคยประกาศก้องไปทั่วโลก หลังเกิดเหตุก่อการร้าย 911 มีการจี้เครื่องบิน ขับพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์ค


          บุช ประกาศกร้าวกับทั่วโลกว่า "หากคุณไม่เข้าข้างเรา ถือว่าเป็นศัตรูกับเรา" (you're either with us, or against us) เสมือนเป็นการขู่ให้รู้ว่า ต้องเข้าข้างสหรัฐอเมริกา หากไม่เลือกอยู่ข้างสหรัฐอเมริกา แปลว่า คุณคือศัตรูของสหรัฐอเมริกา

          ประเทศไทยเช่นกัน คุณต้องเลือกข้าง ไม่ "เพื่อไทย" ก็ "ประชาธิปัตย์" ไม่ซ้ายก็ขวา ไม่เขาก็เรา มันมีทางเลือกให้คุณอยู่แค่นี้

          ผมได้ยินบางคนพูดว่า "ผิดหวังชูวิทย์จริง ๆ ชูวิทย์ไม่มีจุดยืน ชูวิทย์ถ่างขาสองฝั่ง เสียดายที่อุตส่าห์ลงคะแนนให้" บางคนบอก "ชูวิทย์ชอบตีกิน" หรือ "ชูวิทย์ดีแต่เสี้ยม ชูวิทย์ดีแต่ด่าคนอื่น ชูวิทย์คิดว่าตัวเองดีอยู่คนเดียว"

          ไม่เป็นไรหรอกครับ ด่าผมเถอะ ผมไม่เลือกข้าง ไม่เอาทั้งสองข้าง และการตัดสินใจแบบนี้ แน่นอนว่าสังคมไทยไม่มีที่ยืนให้คนอย่างผม

          ผมอยู่ระหว่าง "สงครามสองพรรคใหญ่" ที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนานเพื่อแย่งชิงอำนาจรัฐ แบ่งประชาชนออกเป็นสองฝักสองฝ่าย คนไทยต้องต่อสู้กันเอง เพื่อสังเวยให้กับ "สงครามนักการเมือง" ที่ประชาชนไม่เคยได้รับผลประโยชน์ จนพวกเรา "หลับหูหลับตา" เชียร์พรรคการเมืองที่ชื่นชอบ ด้วยจิตใจคับแคบ ไม่เปิดใจยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน

          แม้แต่คดี "เขาพระวิหาร" เรายังมานั่งด่ากันเอง ว่าไทย "เสีย" หรือ "ไม่เสีย" ในขณะที่เขมรดีใจกันทั้งประเทศ ทั้ง ๆ ที่อดได้พื้นที่ 4.6 ตร.กม. ของเราไป แถมคนไทยยังโชว์ "ทะเลาะกันเอง" ให้เขายิ้มเยาะ

          เราทำอะไรลงไป?

          ผมไม่ได้จะมาโทษใคร แค่รู้สึกเศร้าใจ ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่ทั้งนักการเมือง และบรรดากองเชียร์ของแต่ละฝั่ง จะเห็นพ้องต้องกัน เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทยให้เดินหน้า สงครามการเมืองปลูกฝังให้สังคมไทยเป็นแบบนี้

          ประธานาธิบดี บุช ประกาศกับ "ประเทศอื่น ๆ" เพื่อ "ปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา และประชาชนชาวอเมริกัน" แม้ว่าถ้อยคำอาจดู "แข็งกร้าว" แต่เขาทำเพื่อปกป้องประเทศชาติ โดยยึดถือผลประโยชน์ของคนในชาติเป็นสำคัญ

          แตกต่างจากประเทศไทย เราใช้ประโยคนี้กับ "คนไทยด้วยกัน สัญชาติเดียวกัน หรือแม้แต่ครอบครัวเดียวกัน" ด้วยเหตุผลเพียงแค่ "อุดมการณ์" ไม่ตรงกัน

          น่าเศร้าใจ ที่คนไทยมีทางเลือกอยู่แค่นี้จริง ๆ

          "หากคุณไม่เข้าข้างเรา ถือว่าเป็นศัตรูกับเรา"

          ถึงผมจะไม่เลือกข้าง แต่ผมก็ไม่ใช่ศัตรูกับคุณ แม้ว่าคุณจะไม่ชอบผมก็ตามเถอะ ยังไงผมก็รักคุณ



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชูวิทย์ ห่วง การเมืองบีบให้คนเลือกข้าง คิดต่างถือเป็นศัตรู โพสต์เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2556 เวลา 13:33:23 12,698 อ่าน
TOP