สื่อออสซี่ชี้ยิ่งลักษณ์ ตกที่นั่งลำบาก ยุบสภาหรือสลายการชุมนุม

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra

            ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮอรัลด์ ชี้ยิ่งลักษณ์อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะสลายการชุมนุมก็เป็นการจุดชนวนความรุนแรง แต่ถ้าไม่ทำอย่างนั้นงานรัฐก็เป็นอัมพาตต่อไป

            เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 เว็บไซต์ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮอรัลด์ ของออสเตรเลีย รายงานว่า นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร รอดพ้นจากการลงมติไม่ไว้วางใจของรัฐสภาอย่างง่ายดาย ในขณะที่เธอกำลังถูกกดดันอย่างหนักจากผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ออกมาเรียกร้องให้เธอลงจากที่นั่งอย่างต่อเนื่อง

            รายงานระบุว่า ยิ่งลักษณ์ถูกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาว่าเธอไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ และเป็นหุ่นเชิดของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายสุดที่รักที่หลบลี้อยู่ในต่างแดน เพื่อหนีโทษจำคุก 2 ปี จากคดีคอร์รัปชั่น แต่สุดท้ายจากการลงมติไม่ไว้วางใจ ยิ่งลักษณ์รอดพ้นมาได้ด้วยมติไว้วางใจ 297 ต่อ 134 เสียง เพิ่มความเชื่อมั่นว่าเธอจะสามารถรับมือกับวิกฤตการเมืองที่คุกคามรัฐบาลของเธอได้

            แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ดูเหมือนว่าเธอคงจะไม่สามารถที่จะยุติการชุมนุมประท้วงที่นับวันก็ยิ่งลุกลามกว้างขวาง เธอได้แต่ลั่นวาจาว่า รัฐบาลของเธอจะไม่ใช้กำลังสลายการชุมนุม

            ขณะที่สถานการณ์การประท้วงขณะนี้ ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลได้ออกมาแสดงตัวกันมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลงจากตำแหน่งและจัดตั้งสภาประชาชน และผู้ประท้วงก็ได้เข้ายึดสถานที่ราชการใน 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงจังหวัดท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต ไม่เพียงแค่นั้น ผู้ประท้วงยังเข้ายึดสถานที่ราชการในภาคเหนือและอีสาน ซึ่งเป็นภาคที่เสียงข้างมากสนับสนุนรัฐบาลด้วย โดยทางด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ประท้วงขับไล่รัฐบาลได้เปิดเผยว่า เรามีความหวังในการประท้วงครั้งนี้มากและเชื่อว่าจะชนะในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

            จากสถานการณ์การเมืองสุดวุ่นวายดังกล่าว นักวิเคราะห์มีความเห็นว่า จริง ๆ แล้วความแตกแยกในไทยเริ่มจางหายไปบ้างเมื่อเธอขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2011 กระทั่งเดือนก่อนเธอพยายามผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งเอื้อให้พี่ชายได้กลับบ้าน ประชาชนจึงลุกฮือขึ้นมาประท้วงครั้งใหญ่ ตอนนี้ยิ่งลักษณ์จึงอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากเธอสั่งให้ใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วงให้ออกจากสถานที่รัฐ ก็จะเป็นการจุดชนวนความรุนแรงขึ้น แต่ถ้าหากเธอไม่ทำเช่นนั้น สถานที่รัฐก็จะอยู่ในภาวะเป็นอัมพาตเช่นนี้ต่อไป หรือหากเธอจะเพิ่มความชอบธรรมให้กับตัวเองด้วยการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ก็เสี่ยงถูกกล่าวหาคอร์รัปชั่นและหายนะจากโครงการรับจำนำข้าวด้วย