x close

ตำรวจยันสารสีม่วงในแก๊สน้ำตาไม่อันตราย ต้องใช้เพื่อแยกแยะฝูงชน

แก๊สน้ำตา

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ตำรวจยันสารสีม่วงในแก๊สน้ำตาไม่เป็นอันตราย เหตุที่ใช้สีม่วงเนื่องจากจำเป็นให้เจ้าหน้าที่แยกแยะฝูงชนได้ แจงผู้เสียชีวิตในรถบัสไม่ใช้นักศึกษา เผย เหตุปะทะราม พบลูกปืน-ปลอกกระสุนเพียบ

          เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ10) ได้แถลงชี้แจงความเข้าใจถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ใช้น้ำสีม่วงฉีดใช้เข้ากลุ่มผู้ชุมนุมว่า ทางกองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปเก็บตัวอย่างน้ำในที่เกิดเหตุแล้ว และผลการตรวจสอบพลว่าเป็นสารซีเอส ซึ่งลักษณะเป็นของเหลวใสสีเหลืองที่เป็นตัวทำละลาย และของเหลวสารสีม่วงหรือ methy Violet  ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ควบคุมฝูงชนตามหลักสากล

         ทั้งนี้ พล.ต.อ.จรัมพร ยืนยันว่า สารดังกล่าวไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต แค่จะทำให้เกิดความระคายเคืองทางดวงตาในระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น หากสารดังกล่าวซึมเข้าสู่ผิวหนังเป็นจำนวนมากจะทำให้ผิวหนังระคายเคือง  ซึ่งหากโดนเสื้อผ้าสารตัวนี้จะไปเคลือบเสื้อผ้าจะต้องถอดออกทิ้งเพราะไม่สามารถซักออกได้ และล้างผิวด้วยน้ำสะอาด  นอกจากนี้อาจส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจติดขัดและหากเข้าปากอาจส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารทำให้อาเจียน ในส่วนผู้ที่ได้รับสารดังกล่าวแล้วมีโรคประจำตัวก็จะส่งผลให้มีอาการรุนแรงขึ้น และต้องทำการปฐมพยาบาลหรือใช้เครื่องช่วยหายใจ

          สำหรับสารสีม่วงมาใช้ มีโครงสร้างทางเคมีเดียวกับยาป้ายปาก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตำรวจได้นำเอามาใช้เพื่อควบคุมฝูงชน และสารเคมีเหล่านี้เป็นอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนที่เป็นสากล มีใช้ในหลายประเทศ ซึ่งในบางประเทศอาจมีการผสมสีให้เป็นสีอื่น ๆ ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้สีม่วงนั้น เพื่อแยกแยะมวลชนและประกาศอาณาเขตว่าเป็นพื้นที่ที่มีการใช้แก๊สน้ำตา  

        ส่วนกรณีที่มีผู้เสียชีวิตบนรสบัสที่ถูกไฟไหม้หน้าบริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น พล.ต.อ.จรัมพร ระบุว่า ผู้ตายคือ นายสุรเดช คำแปลงใจ อายุ 19 ปี ไม่ใช่นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงและไม่ใช่ผู้ชุมนุมของกลุ่ม นปช. ซึ่งจากการสอบปากคำนคดีดังกล่าว ทราบว่า ผู้ตายถูกเพื่อนชักชวนมาให้ร่วมเป็นการ์ดของนักศึกษาในวันเกิดเหตุ และก่อนเกิดเหตุไฟไหม้รถบัสผู้ตายพร้อมด้วยเพื่อนอีกคนที่เป็นการ์ด ได้ขึ้นไปบนรถบัสคันดังกล่าว แต่เมื่อมีผู้จุดไฟผู้ตายหลบหนีไม่ทัน จึงถูกไฟคลอกเสียชีวิต

        ขณะที่วันนี้ (7 ธันวาคม 2556) พล.ต.อ.จรัมพร ได้แถลงข่าวสรุปเหตุความรุนแรงที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ช่วง 30 พฤศจิกายน ต่อเนื่อง 1 ธันวาคม 2556 ว่า จากเหตุการณ์ทั้ง 2 วัน ตำรวจลงพื้นที่เก็บหลักฐานพบปลอกกระสุน 34 ปลอก จากปืน 7 ชนิด อาทิ .35, .38, 9 มม., .22 และ .32 นอกจากนี้ ยังพบหัวกระสุน 12 หัว และลูกกระสุนจำนวนมาก รวมทั้งพบอาวุธปืนในการ์ด นปช.

        ทั้งนี้ ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุต่อไป และก็จะมีการตั้งข้อหาร่วมกันวางเพลิง ฆ่า และทำให้เสียทรัพย์


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตำรวจยันสารสีม่วงในแก๊สน้ำตาไม่อันตราย ต้องใช้เพื่อแยกแยะฝูงชน อัปเดตล่าสุด 7 ธันวาคม 2556 เวลา 14:51:56 15,044 อ่าน
TOP